List of content
3 ข้อเสีย ในการกระจายความเสี่ยงการลงทุน
หากคุณรู้จักวางแผนการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง “Diversification” หรือกลยุทธ์กระจายการลงทุนออกไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อทำให้คุณไม่ขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนในสินทรัพย์เดียวมากเกินไป ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนหลายคนควรมีติดตัว ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถนำมาปรับใช้ได้กับการลงทุนหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในกองทุนหรือหุ้นเท่านั้น
แต่หารู้ไม่ บางครั้งการที่คุณตัดสินใจกระจายความเสี่ยงในการลงทุน อาจมีข้อเสียซ่อนอยู่เช่นกัน และนักลงทุนหลายท่านเลือกที่จะมองข้ามข้อเสียนี้ เพราะหลงคิดว่า การตัดสินใจกระจายความเสี่ยงถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว โดยข้อเสียที่ว่านี้มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
3 ข้อเสีย ในการกระจายความเสี่ยงการลงทุน
ในทฤษฎีแห่งการลงทุนก็มีหลายวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยง หนึ่งในนั้น คือ การกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น
กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, ฝากธนาคาร หรือทองคำ และมีนักลงทุนบางท่านเลือกที่จะกระจายการลงทุนออกไปในตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงเช่นกันครับ ซึ่งอีกมุมหนึ่งของการกระจายการลงทุนที่เราไม่ควรมองข้าม ได้แก่
1. มีโอกาสน้อยที่จะได้รับผลตอบแทนก้อนโต
ทำไมถึงบอกว่า การกระจายความเสี่ยงจะทำให้เสียโอกาสรับกำไรก้อนโต? นั่นเพราะส่วนใหญ่ เวลาลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง เรามักจะกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน พอเป็นแบบนี้ เวลาที่สินทรัพย์บางอย่างให้ผลตอบแทนสูง อีกสินทรัพย์ก็อาจจะให้ผลตอบแทนในทิศทางที่สวนทางกัน ทำให้เมื่อมาเฉลี่ยรวมกันแล้ว มีโอกาสน้อยที่จะได้รับผลตอบแทนในระดับสูง ๆ
2. การจับปลาหลายมือก็มีโอกาสขาดทุนเพิ่มขึ้นได้
ข้อต่อมา อาจจะขัดใจนักลงทุนหลายคนว่า ทำไมถึงบอกว่า "การจับปลาหมายมือก็มีโอกาสขาดทุนเพิ่มขึ้น" เพราะการแบ่งเงินไปลงทุนในสัดส่วนต่าง ๆ เท่ากับการศึกษา การหาความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น หากคุณกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่รู้ข้อมูลเพียงผิวเผิน สิ่งนี้ยิ่งจะทำให้คุณเพิ่มโอกาสในการขาดทุนให้กับตัวเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นภาระในการศึกษาข้อมูลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องของเวลา ที่ต้องใช้มากขึ้นในการติดตามสินทรัพย์ที่เรากระจายไปมากขึ้นด้วยครับ
3. มีภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มมากขึ้น
อีกปัญหาของการกระจายความเสี่ยง คือเรื่องค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่อเราพยายามลดความเสี่ยง ด้วยการไปกระจายการลงทุนในหลาย ๆ สินทรัพย์ ก็ต้องแลกมาด้วยการจ่ายค่าบริการในการซื้อขาย หรือค่าบริการต่าง ๆ ที่โดนเรียกเก็บจากผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์, นายหน้า หรือกองทุนต่างๆ ที่เราทำการซื้อขายสินทรัพย์ และค่าบริการในการใช้แพลตฟอร์มของเขา เช่น ถ้าเรามีผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล เขาก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล ประเมินมูลค่า ศึกษาความเสี่ยงของสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เราตั้งใจจะไปลงทุน เป็นจำนวนมาก ๆ หลายสินทรัพย์ หลายบริษัท ทำให้ค่าธรรมเนียมในการจัดการส่วนนี้เพิ่มขึ้นได้
พออ่านมาคุณตรงนี้แล้ว คุณน่าจะพอเห็นภาพของข้อเสียในการกระจายความเสี่ยงบ้างพอสมควรแล้วนะครับ แต่ความเสี่ยงนี้เป็นแค่มุมคอยเตือนเราเฉย ๆ ไม่อยากให้มองว่าเป็นสิ่งที่ผิด เพราะการกระจายความเสี่ยงนั้นยังมีความจำเป็นมาก ๆ ในการลงทุน เพราะถ้าเราศึกษาข้อดีของการกระจายความเสี่ยงอย่างลึกซึ้งแล้ว มันจะช่วยรักษาเงินทุนของเราให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
___________________________________
สุดท้ายนี้ การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง อยากให้คุณศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์นั้นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตาม ThaiForexReview
ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดการลงทุนได้ที่ : News
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ : Blogs
รีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยม : Top Brokers