List of content
การลงทุนแบบ VA ต่างจากการลงทุนแบบ DCA อย่างไร ?
อยากลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ขณะเดียวกันก็อยากเพิ่มน้ำหนักในช่วงตลาดขาลง จะเลือกอย่างไรดี?! วันนี้ทีมงาน ThaiForexReview จะพาทุกท่านไปรู้จักกับกลยุทธ์การลงทุนแบบ VA ที่ได้รับพัฒนาจาก DCA มันจะเป็นอย่างไร แตกต่างกับแบบเดิมตรงไหน แล้วเหมาะกับใครบ้าง ไปติดตามกันครับ
การลงทุนแบบ VA คืออะไร ?
การลงทุนแบบ VA หรือ Value Averaging คือ การถัวเฉลี่ยต้นทุนราคา ควบคู่ไปกับมูลค่าพอร์ตการลงทุน โดยเน้นที่ผลลัพธ์ของพอร์ต หรือมูลค่าสินทรัพย์เป็นหลักครับ อาจกล่าวได้ว่า มันเป็นการที่นักลงทุนจะต้องบริหารจัดการพอร์ตด้วยตัวเอง เพื่อให้พอร์ตของพวกเขาเติบโตอย่างสม่ำเสมอนั่นเองครับ
กลยุทธ์นี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากการลงทุนแบบ DCA โดย ดร. ไมเคิล เอเดลสัน (Michael E. Edleson) จากบริษัทมอร์แกนสแตนเลย์ (Morgan Stanley) อดีตอาจารย์สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซึ่งจากผลการศึกษาหลายชิ้น พบว่า การเฉลี่ยมูลค่า (VA) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการเฉลี่ยต้นทุน (DCA) เล็กน้อย
ตัวอย่างการลงทุนแบบ VA และ DCA
หากจะอธิบายเข้าใจได้ง่าย ๆ หน่อย ผมก็ขอยกตัวอย่าง เช่น ผมต้องการสร้างมูลค่าของสินทรัพย์ A ให้เป็น 10,000 บาท ภายใน 4 เดือน
หากเป็นการลงทุนแบบ DCA ผมจะต้องลงทุนในสินทรัพย์ A เฉลี่ย 2,500 บาท/เดือน เมื่อครบ 4 เดือน ผมจึงจะมีสินทรัพย์ A โดยใช้เงินทุนจำนวน 10,000 บาท
แต่หากเป็นการลงทุนแบบ VA มันจะเป็นการตั้งเป้าหมายไว้ และดูที่ “มูลค่าของพอร์ต” แทนครับ โดยเดือนแรกก็ลงทุนปกติเลย อาจจะมีการจับจังหวะตลาดสักหน่อย แต่เดือนต่อ ๆ ไป จะต้องดูมูลค่าของพอร์ตโดยรวมแทนครับว่า ขณะนั้นสินทรัพย์ A ที่เราถืออยู่ ขาดทุนหรือได้กำไร (Unrealized P/L) เท่าไหร่ เพื่อปรับเพิ่มและลดมูลค่าสินทรัพย์
เช่น หากสินทรัพย์ A ในเดือนที่ 3 ได้กำไร 700 บาท ผมก็จะขายกำไรส่วนนั้นเพื่อนำมาลงทุนเพิ่ม หรือซื้อสินทรัพย์ A เพิ่มเพียง 1,800 บาท แทนการลงทุน 2,500 บาท/เดือน และหากสินทรัพย์ A ขาดทุน ผมก็ต้องปรับเพิ่มการลงทุนในช่วงที่ราคาสินทรัพย์ยังถูกอยู่ เพื่อที่เมื่อราคาสินทรัพย์แพงขึ้น เราจะได้ไม่ต้องลงทุนเพิ่มครับ ซึ่งเราจะต้องทำเช่นนี้จนครบตามเป้า ในเวลา 4 เดือน
ดังนั้น เป้าหมายหลักของการลงทุนแบบ VA จึงคือ การได้สินทรัพย์เพิ่ม เมื่อราคาลดลง และได้สินทรัพย์น้อยลง เมื่อราคาสูงขึ้นครับ ซึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่การลงทุนของคุณมากขึ้นนั่นเองครับ
ความแตกต่างของการลงทุนแบบ VA และ DCA
การลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) เป็นการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน โดยการซื้อสินทรัพย์ในจำนวนเงินเท่ากันเป็นประจำทุกเดือน หรือตามเวลาที่เรากำหนด ส่วนการลงทุนแบบ VA เป็นการลงทุนที่ต่อยอดจาก DCA แต่เน้นที่ผลลัพธ์ของพอร์ต หรือปลายทางมากกว่าครับ แต่อย่างไรก็ดี การลงทุนทั้ง 2 แบบ ก็เน้นที่ “ความสม่ำเสมอ” เช่นเดียวกันครับ
การลงทุน VA เหมาะกับใคร ?
1) คนที่ต้องการวินัยในการลงทุน ขณะเดียวกันก็ต้องการจับจังหวะตลาดด้วย
2) คนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการลงทุน เพื่อปรับพอร์ตตามจังหวะตลาด
3) คนที่ต้องการกำหนดเป้าหมายปลายทางให้กับพอร์ต
โดยสรุปแล้ว การลงทุนแบบ VA ก็คือ การเน้นที่ปลายทางผลลัพธ์มากกว่าต้นทุนนั่นเองครับ ซึ่งระหว่างทางเราจะต้องบริหารจัดการพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มูลค่าของพอร์ตเป็นไปตามเป้าที่เราตั้งไว้ นับเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ อีกทั้งยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ด้วย อย่างไรก็ดี อย่าลืมเตรียมเงินให้พร้อม เมื่อตลาดเป็นขาลงด้วยนะครับ และต้องมั่นใจด้วยว่า คุณลงทุนถูกตัวแล้ว ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงาน ThaiForexReview ครับ
___________________________________
สุดท้ายนี้ การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง อยากให้คุณศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์นั้นให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตาม ThaiForexReview
ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดการลงทุนได้ที่ : News
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ : Blogs
รีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยม : Top Brokers