2928
7 months ago
(Mar 28, 2024 14:54)
จริง ๆ แล้วในการซื้อขาย Forex นั้นมีหลากหลายวิธี แต่ในการเลือกรูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณเอง นักลงทุนแต่ละคนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และหาประสบการณ์ ซึ่งในบทความนี้ Thaiforexreview จะแนะนำวิธีการซื้อขายแบบ Scalping ซึ่งเป็นรูปแบบการซื้อขายที่นักลงทุนจำนวนมากชื่นชอบ หากคุณอยากรู้ว่าการ Scalping คืออะไร ควรเทรด Scalping หรือไม่ สามารถติดตามได้ในบทความนี้ครับ
Scalping Trade คืออะไร ?
Scalping Trader เป็นหนึ่งรูปแบบในการซื้อขายเก็งกำไรในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่นักลงทุนนิยมใช้ในตลาด Forex หรือที่เรียกกันว่าการเทรดสั้น เป็นการเทรดที่เน้นออกออเดอร์หนัก ๆ ในเทรดเดียว โดยหวังเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ ประมาณ 10-30 pips ต่อการเทรดเท่านั้น แทนการเปิดสถานะสัญญาทิ้งไว้เป็นเวลาหลายชั่วโมง หลายวัน หรือหลายสัปดาห์ เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดและยังมีความผันผวนมากที่สุดด้วย จึงทำให้มีช่องว่างที่นักเก็งกำไรจะสามาถเข้าไปทำกำไรเป็นจำนวนมาก
ค่า Spread เป็นสิ่งสำคัญกับการเทรดแบบ Scalping
ค่า Spread อาจจะไม่ได้สำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดในระยะยาว แต่กับการ Scalping แล้ว เรื่องของค่า Spread กับกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเทรดอย่างมาก เนื่องจากว่าการเทรดแบบ Scalping เป็นการเทรดในในระยะที่สั้นมาก ๆ บางครั้งอาจจะเอากำไรเพียง 5-10 pips หากว่าค่า Spread ของโบรกเกอร์ยิ่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะขาดทุนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากว่าเส้น Bid/Ask จะชน Stop loss ได้ง่ายมากขึ้น
เทคนิคในการเทรด Scalping
เนื่องจากว่าการ Scalping เป็นการเทรดที่สั้นมาก ๆ ทำให้เทคนิคการเทรดนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้กรอบเวลาหรือ Timeframe ขนาดเล็กลงมาด้วย ส่วนใหญ่แล้วการเทรดแบบ Scalping จะใช้ Timeframe ประมาณ 5m-30m โดยจะมีเทคนิคการเทรดที่แนะนำดังต่อไปนี้
- การใช้กรอบแนวรับ-แนวต้าน
การเทรด Scalping ด้วยแนวรับ-แนวต้านเป็นเทคนิคพื้นฐานที่สุด โดยจะใช้ในการหาจุดกลับตัว จุด Break Out ซึ่งเทคนิคนี้ควรที่จะเป็นเทคนิคพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ เพราะว่าสามารถที่จะประยุกต์ใช้ได้ทุกประเภทการเทรด
- การใช้ Moving Average
การเทรดด้วย MA เป็นเหมือนกับการเทรดด้วยแนวรับ-แนวต้าน แตกต่างกันเพียงแค่มีการนำอินดิเคเตอร์เข้ามาเป็นตัวช่วย โดยการเทรดในระยะสั้น MA ถือเป็นอินดิเคเตอร์ที่นิยมตัวหนึ่งเลย เนื่องจาก MA สามารถที่จะวิเคราะห์จุดกลับในระยะสั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะใช้กลยุทธ์ MA Crossover เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เส้น MA ระหว่าง MA (9) และ MA (21) มาใช้ร่วมกัน หาจุดตัดกันเพื่อให้เกิดสัญญาณการเเปลี่ยนเทรนด์นั่นเอง
ข้อแตกต่างระหว่าง Scalping กับ Day Trade
อย่างที่ทราบกันดีกว่า Day Trade นั้นเป็นการเทรดจบภายในหนึ่งวัน โดยจะมีการถือออเดอร์ประมาณ 1-2 ชม. เพื่อหวังกำไรประมาณ 50 pips หรือมีสัดส่วนของ RR อยู่ที่ประมาณ 1:2 ขึ้นไป ซึ่งจะแตกต่างกับการเทรดแบบ Scalping ที่เป็นการถือออเดอร์เพียงหลักนาที และไม่เกิน 1 ชม. และหวังกำไรประมาณ 10-30 pips ต่อการเทรด และจะมะสัดส่วน RR ประมาณ 1:1-1:2 เท่านั้น
สรุปได้ว่าการเทรดทั้ง 2 แบบ มีข้อแตกต่างกันที่จำนวน Transaction ปริมาณ Pip ต่อการเทรด และ RR ต่อการเทรดนั่นเอง
ข้อดีข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping
ข้อดี
ข้อดีของการเทรดแบบ Scalping สามารถทำกำไรได้หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งวันอีกทั้งการเทรดแบบ Scalping ยังเป็นการเทรดที่มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากไม่ต้องถือสถานะข้ามวันข้ามคืนให้เสี่ยงโดนลากและมี โอกาสที่จะเห็นสัญญาณการเข้าตลาดค่อนข้างสูง ในแต่ละวันเนื่องจากจะยึด Time Frame สั้น ๆ เช่นตั้งแต่ห้านาทีไปจนถึงหนึ่งชั่วโมงจึงทำให้การเทรดในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะทำกำไรไม่เกิน 10 pip ต่อเทรด หรือขาดทุนไม่เกิน 7 pip ต่อเทรดโดยหักค่าสเปรดออกแล้ว ในการทำกำไรให้ได้ 10 pip ต่อเทรดนั้น เราจะเห็นผลกำไรเป็นก้อนในปริมาณมากได้ก็ต่อเมื่อมีทำการเปิดเทรดหลาย ๆ เทรด ดังนั้น เทรดเดอร์แบบ Scalping จึงไม่ได้ยึดตามกฎการลงทุนหรือการเทรดซึ่งเป็นหลักการบริหารความเสี่ยงที่ว่าไม่ควรใช้เงินลงทุนเกิน 2% โดยกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นหรือ Scalping นั้นสามารถทำได้ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ การเทรดด้วยตนเอง หรือทำการเทรดแบบอัตโนมัติ นั่นเอง
ข้อเสีย
การเทรดแบบ Scalping ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับรูปแบบการซื้อขายอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ในขณะที่ผลกำไรสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็วหากมีการซื้อขายที่ทำกำไรจำนวนมาก แต่การสูญเสียยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกันหากผู้ซื้อขายไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่หรือใช้ระบบที่มีข้อบกพร่อง แม้ว่าเสี่ยงจำนวนเล็กน้อยต่อการซื้อขายแต่หากสะสมไปเรื่องก็อาจจะมีผลกระทบอย่างมากรวมทั้งการใช้เลเวอเรจที่มากเกินไปก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดกำไร/ขาดทุนได้ด้วยเช่นกัน และอีกหนึ่งความเสียงก็คือการเกิดอารมณ์โลภ โกรธ กลัว ในขณะที่ทำการเทรดหากเทรดเดอร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในขณะที่เทรดได้มันอาจจะส่งทำให้เสี่ยงที่จะขาดทุนต่อเนื่องเพราะการเทรดในรูบแบบนี้เทรดเดอร์จะต้องคอยนั่งเฝ้าเปิดและปิดสถานะซื้อ/ขายด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้หากสถานะที่เปิดอยู่มันเกิดผิดพลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์อาจจะทำให้เทรดเดอร์เกิดอาการหัวเสียได้และในการเทรดสั้นจะค่อนข้างมีความเสียเปรียบจากค่าสเปรดของทางโบรกเกอร์เพราะอาจทำเสียโอกาศทำกำไรในระดับราคาที่เทรดเดอร์คาดหวัง
ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะเทรดคุณต้องมันใจว่าระบบที่นำมาเทรดนั้นผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสามารถทำกำไรได้มากกว่าขาดทุนและควรตรวจสอบอารมตัวเองอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เสียสมาธิจาการเทรดและควรจะเลือกโบรคเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและมีโบนัสเพื่อให้มีความได้เปรียบในการเทรด
______________________________________________
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม สามารถติดตาม ThaiForexReview
ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดการลงทุนได้ที่ : News
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ : Blogs