List of content

    ทำความรู้จัก GDP และ GNP แตกต่างกันอย่างไร?


    GDP และ GNP แตกต่างกันอย่างไร

    รู้หรือไม่?! GDP และ GNP สามารถใช้ประเมินความยั่งยืนของสถานะทางการเงินระหว่างประเทศและความแข็งแกร่งของค่าเงินได้ หมดยุคลงทุนตามกระแส นักลงทุนรุ่นใหม่ต้องรู้จักตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในบทความนี้ Thaiforexreview จะพาไปทำความรู้จัก GDP และ GNP ว่า มันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไรกันครับ

     

    GDP คืออะไร?

    GDP คืออะไร?

    GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งหมายถึงมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ “ผลิตภายในประเทศ” ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตของคนสัญชาติใดก็ตาม โดยไม่นับผลผลิตที่เกิดจากคนสัญชาตินั้นในต่างประเทศครับ

     

    สรุปนิยาม GDP

    GDP จะอ้างอิงเฉพาะสินค้าและบริการที่ผลิตภายในประเทศเท่านั้น โดยไม่สนว่าผู้ผลิตจะเป็นคนภายในประเทศหรือชาวต่างชาติ

     

    การคำนวณ GDP

    สูตรที่ใช้ในการคำนวณ GDP คือ

     

     

    GDP = C + I + G + (X – M)

     

     

    โดยแต่ละองค์ประกอบหมายถึง

    • C = Consumption คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหาร, สินค้า, น้ำ หรือไฟฟ้า เป็นต้น

    • I = Investment คือ การลงทุนของภาคเอกชน เช่น การซื้อที่ดิน, เครื่องจักร หรือซอฟต์แวร์ เป็นต้น

    • G = Government Spending คือ การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ เช่น การสร้างถนน, การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรือค่าครุภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นต้น

    • X – M หรือ NX = Net Export คือ มูลค่าการส่งออกสินค้าสุทธิ โดยนำมูลค่าการส่งออกลบด้วยมูลค่าการนำเข้า

    การอ่านค่าตัวเลข GDP ที่ถูกประกาศออกมา ทุกท่านสามารถอ่านได้ดังนี้

    • ถ้าตัวเลข GDP เป็นบวก (+) แสดงว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้นสูงขึ้น เนื่องจากมีการไหลเวียนของเงินที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศนั้นมีรายได้มากขึ้นครับ

    • ถ้าตัวเลข GDP เป็นลบ (–) แสดงว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้นมีการชะลอตัว เนื่องจากมีการไหลเวียนของเงินที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศลดลง ทำให้ประเทศนั้นมีรายได้น้อยลงครับ

     

    GDP บ่งบอกอะไร?

    GDP ถูกใช้เพื่อแสดงถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ๆ จากความสามารถในการผลิต ตลอดจนมูลค่าการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในประเทศ โดยนักลงทุนสามารถใช้ตัวเลข GDP เพื่อกำหนดกลยุทธ์และทิศทางในการลงทุนต่อไปได้ เพราะมันจะทำให้เราทราบถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศนั้น ๆ ครับ

     

     

    GNP คืออะไร?

    GNP คืออะไร?

    GNP ย่อมาจาก Gross National Product คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ซึ่งหมายถึงมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ “พลเมืองในประเทศนั้นผลิต” ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นในหรือนอกประเทศ โดยไม่นับผลผลิตที่เกิดจากคนสัญชาติอื่นครับ

     

    สรุปนิยาม GNP

    GNP จะอ้างอิงเฉพาะสินค้าและบริการที่คนภายในประเทศนั้นผลิตเท่านั้น โดยไม่สนว่าจะผลิตที่ใด ในหรือนอกประเทศ

     

    การคำนวณ GNP

    สูตรที่ใช้ในการคำนวณ GNP คือ

     

     

    GNP = GDP + NFIA

     

     

    โดยแต่ละองค์ประกอบหมายถึง

    • GDP คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

    • NFIA คือ รายได้สุทธิจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลต่างระหว่างรายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในต่างประเทศ และรายได้ที่พลเมืองของประเทศอื่นหาได้ในประเทศนั้น

     

    GNP บ่งบอกอะไร?

    GNP ถูกใช้เพื่อเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผลผลิตทางเศรษฐกิจจากพลเมืองของประเทศนั้น ๆ ทั้งในและต่างประเทศจะสามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาระดับชาติได้ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ดุลการชำระเงิน หรือความยากจน เป็นต้น ซึ่งการคำนวณรายได้ของพลเมืองในประเทศโดยไม่คำนึงถึงที่ตั้งจะทำให้ GNP มีความน่าเชื่อถือมากกว่า GDP เนื่องจากมุมมองในการคำนวณกว้างไกลกว่าเดิม อีกทั้ง ยังตัดเรื่องการนับพลเมืองซ้ำด้วยครับ

     

     

    GDP และ GNP เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?

    GDP และ GNP เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?

    ความคล้ายคลึงกันของ GDP และ GNP

    ความแตกต่างกันของ GDP และ GNP

    • GDP และ GNP เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

    • GDP และ GNP จะนับเฉพาะสินค้าและบริการที่เป็น “สินค้าขั้นสุดท้าย (Final Product)” หรือก็คือสินค้าที่ใช้เองเท่านั้น ไม่ได้มีการนำสินค้าเหล่านี้ไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหรือขายต่อ

    • การซื้อสินค้ามือสอง, สินค้าผิดกฎหมาย/ เลี่ยงภาษี และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจะไม่ถูกนำมาคำนวณ GDP และ GNP เพราะไม่ได้เป็นการเพิ่มผลผลิต

    • ในการคำนวณ GDP และ GNP โดยทั่วไปจะมีการกำหนดระยะเวลา 1 ปี

    • GDP = รายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในประเทศ + รายได้ที่พลเมืองของประเทศอื่นหาได้ในประเทศนั้น 

    • GNP = รายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในประเทศ + รายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในต่างประเทศ

    • GDP จะนับรวมผลผลิตของ “ทุกคน” ในประเทศ ไม่ว่าจะสัญชาติใด ขณะที่ GNP จะนับเฉพาะผลผลิตจาก “พลเมือง” ของประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศใด ด้วยเหตุนี้ ทำให้ GDP อาจทำให้เกิดการนับซ้ำผู้คนได้ แต่ GNP จะตัดปัญหาดังกล่าว ทำให้ตัวเลขที่คำนวณออกมามีความชัดเจนและชี้วัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

     

     

    ทำไมต้องรู้จัก GDP และ GNP

     

    ตัวเลข GDP และ GNP จะสามารถนำไปหา “รายได้สุทธิจากต่างประเทศ (Net Factor Income From Aboard: NFIA)” ได้จากสมการต่อไปนี้ครับ

     

     

     NFIA = A – B

     

     

    กำหนดให้

    • A = รายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น คนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ

    • B = รายได้ที่พลเมืองของประเทศอื่นหาได้ในประเทศนั้น ตัวอย่างเช่น คนต่างประเทศที่มาทำงานในไทย

    จากสูตร อ่านค่าได้ดังนี้

    • หาก A มากกว่า B หรือมีค่าเป็นบวก (+) แสดงว่า ประเทศนั้นมีรายได้มากกว่ารายจ่าย ซึ่งมีส่วนทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ตัวเลข GNP มีค่าสูงกว่าตัวเลข GDP 

    • หาก A น้อยกว่า B หรือมีค่าเป็นลบ (–) แสดงว่า ประเทศนั้นมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งมีส่วนทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ตัวเลข GNP มีค่าต่ำกว่าตัวเลข GDP

     

    ความสำคัญของรายได้สุทธิจากต่างประเทศ (NFIA)

    รายได้สุทธิจากต่างประเทศ (NFIA) เป็นตัวชี้วัดที่แสดงถึงสมดุลระหว่างรายได้ที่เกิดขึ้นและภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้เราทราบว่า ประเทศนั้น ๆ มีรายได้จาก “รายได้ที่พลเมืองนั้นหาได้ในต่างประเทศ” มากหรือน้อยกว่า “รายได้ที่พลเมืองของประเทศอื่นหาได้ในประเทศนั้น” 

    โดยการวัดค่า NFIA จะช่วยประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ๆ ว่าเติบโตอย่างมีเสถียรภาพหรือไม่ อีกทั้ง ยังช่วยประเมินความยั่งยืนของสถานะทางการเงินระหว่างประเทศของประเทศนั้น ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของค่าเงินในประเทศต่อไปครับ ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงสามารถใช้ NFIA เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ครับ

     

    สรุป

    โดยสรุปแล้ว GDP และ GNP ต่างก็เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนครับ นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในหรือต่างประเทศ และตลาดหุ้นหรือเงินตราครับ

     

    Source : CFI, Wallstreetmojo, Studysmarter, SET Invest และมหาวิทยาลัยรามคำแหง


     

    ⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม

    สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com

    ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview

    ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis

    อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs

    อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers

    investing

    แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    Thaiforexreview.com จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ
    ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์โบรกเกอร์ Forex ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน และการวิเคราะห์เป็นความคิดเห็น ของ Thaiforexreview.com ไม่มีการการันตีใด ๆ

    การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ก่อนตัดสินใจซื้อขาย Forex หรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เรามุ่งเน้นเพื่อเสนอข้อมูล ที่สำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ทั้งหมดที่เราตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

    © Copyright Thaiforexreview 2023. All rights reserved