List of content
วิเคราะห์สินทรัพย์ Forex ยอดนิยมปี 2025
ในปี 2024 ที่ผ่านมา สินทรัพย์ต่าง ๆ ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ หรือแม้กระทั่ง Bitcoin ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจากหลายทาง เช่น ราคาทองคำขึ้นเพราะสงคราม, หุ้นปรับตัวขึ้นเพราะ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือ Bitcoin ปรับตัวขึ้นเพราะ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง เป็นต้น โดยในวันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพามาวิเคราะห์กันดูว่า ภายในปี 2025 สินทรัพย์เหล่านี้ จะยังคงมีทิศทางเป็นขาขึ้นอยู่หรือไม่? พร้อมกับเหตุผล เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับนักเทรดสายรันเทรนด์
⚠️ |
*เนื้อหาในบทความนี้ เป็นเพียงมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัว โดยไม่ได้มีเจตนาในการชักชวนเพื่อการลงทุนแต่อย่างใด |
สินทรัพย์ที่นิยมเทรดในตลาด Forex หรือว่า การเทรดแบบ CFD นั้น มีดังนี้
- คู่เงิน (Forex)
- ทองคำ
- น้ำมัน
- Cryptocurrency
นอกจากนี้ ในการเทรด Forex ยังมีการเทรดหุ้นด้วย แต่การเทรดหุ้นนั้น ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักในตลาด Forex เนื่องจากว่า จำเป็นจะต้องรอตลาดหุ้นเปิดตามเวลาก่อน จึงจะสามารถเทรดได้ เช่น หากต้องการเทรดหุ้น Tesla ซึ่งเป็นหุ้นของตลาดสหรัฐฯ ก็จำเป็นจะต้องรอให้ตลาดสหรัฐฯ เปิดในเวลา 20.30 น. ถึงจะสามารถเปิดคำสั่งซื้อขายได้นั่นเองครับ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลาง : การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น จะมีผลต่อความแข็งแกร่งของสกุลเงินแต่ละประเทศ
- ภาวะเศรษฐกิจโลก : การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการค้าระหว่างประเทศ จะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงิน
- เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ : สงคราม การเลือกตั้ง และความขัดแย้งทางการเมือง จะสร้างความผันผวนให้กับตลาด Forex
- ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย : ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนมักจะหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และเยนญี่ปุ่น เป็นต้น
ในหัวข้อนี้ เราจะพามาดูแนวโน้มความน่าจะเป็นปี 2025 ของสินทรัพย์ที่นิยมเทรดกันในตลาด Forex ซึ่งได้แก่ คู่เงินหลัก (EURUSD), ทองคำ, น้ำมัน และ Bitcoin
-
แนวโน้มของ EURUSD ในปี 2025
แนวโน้มของ EURUSD ในปี 2024 อยู่ในแนวโน้มขาลง เนื่องจากอัตราการเติบโตของ GDP ในยุโรปเกิดการชะลอตัวอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้ค่าเงินร่วงลงไปที่ 1.06013 ดอลลาร์ต่อยูโร ในช่วงต้นปี 2024 ก่อนที่จะกลับตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังอัตราเงินเฟ้อในยุโรปชะลอตัวลง พร้อมทั้งนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของ ECB ส่งผลให้ค่าเงินยูโรเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เดือนเมษายน และขึ้นมา High สูงสุดของปีที่ 1.11810 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินยูโรกลับเข้าสู่ช่วงขาลงอีกครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม เนื่องจากว่า ยูโรได้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแออีกครั้ง ส่งผลให้ค่าเงิน EURUSD ปรับตัวลงมาทำ Low ต่ำสุดของปีที่ 1.03330 ดอลลาร์ต่อยูโร
โดยแนวโน้มของ EURUSD ในปี 2025 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า EURUSD จะแข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่า EURUSD จะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1.20000 ดอลลาร์ต่อยูโรในสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ เศรษฐกิจของยุโรปในปีจะต้องกลับมาเติบโตให้ได้เฉลี่ยที่ 2% ต่อไตรมาส จึงจะสามารถดันให้ค่าเงิน EURUSD กลับมาแข็งค่าได้ตามเป้าที่คาดการณ์เอาไว้
-
แนวโน้มของราคาทองคำในปี 2025
แนวโน้มของราคาทองคำในปี 2024 นี้ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2023 โดยในปีนี้ราคาทองคำเติบโตกว่า 31% ซึ่งปัจจัยหลักนั้นมาจากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกด้วย ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All Time High ที่ราคา 2,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่า “ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ราคา 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงสิ้นปี 2024”
ส่วนแนวโน้มของราคาทองคำในปี 2025 นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นไปที่ราคา 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในระยะเวลา 6-12 เดือนหลังจากนี้ โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่จะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ได้แก่ สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส ที่อาจจะยังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดนี้ ได้เกิดการก่อกบฏขึ้นในประเทศซีเรีย และคาดการณ์ว่า สถานการณ์ความไม่สงบนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง และราคาทองคำก็ยังคงได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ด้วยเช่นกัน ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดนี้ การที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระยะเวลา 6-12 เดือนนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลยครับ
-
แนวโน้มของราคาน้ำมันในปี 2025
ราคาน้ำมันในปีนี้อยู่ในแนวโน้มขาลง โดยเมื่อช่วงต้นปี 2024 ราคามีการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดของปีที่ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว มีเหตุการณ์สำคัญอย่างสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยทางยูเครนได้ทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันดิบของรัสเซีย ในเมืองเนซนีกัมสก์ ส่งผลให้เกิดความกังวลด้านอุปทานไปทั่วโลก และหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นกว่า 22% ในช่วงเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ก็ปรับตัวลงมาอยู่ช่วงระหว่าง 67-72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากตลาดเจอกับข่าวสงครามมาสักพักแล้ว และไม่ได้มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นนั่นเอง
ในส่วนของแนวโน้มของราคาน้ำมันในปี 2025 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปทรงตัวอยู่ระหว่างราคา 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยจากหลายทาง ทั้งจากความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์, ความต้องการใช้น้ำมัน, มาตรการกีดกันทางการค้า และมาตรการคว่ำบาตรต่อนานาประเทศที่มีการส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวหรือปรับตัวลงนั้น มาจากกำลังการผลิตน้ำมันที่สูงเกินกว่าความต้องการต่อวัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในปี 2025 ความต้องการใช้น้ำมันโลกจะอยู่ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่กลุ่มประเทศที่สามารถผลิตน้ำมันได้ จะผลิตได้มากกว่าความต้องการใช้อยู่ที่ 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 187% จากความต้องการใช้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในปี 2025 ปริมาณน้ำมันจะล้นตลาดและเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงได้นั่นเอง
-
แนวโน้มของ Bitcoin ในปี 2025
ในปีนี้ Bitcoin ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า จะเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงและสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้จริง และหลายคนมองว่า Bitcoin อาจจะกลายเป็นคู่แข่งสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอีกด้วย หลังจากที่ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นทำ All Time High ที่ 104,000 ดอลลาร์ และให้ผลตอบแทนทั้งปี 2024 นี้กว่า 144% จากการที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยมีนโยบายสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นแผนการนำเอา Bitcoin เข้ามาเป็นทุนสำรองของสหรัฐฯ พร้อมทั้งการสนับสนุนการขุด Bitcoin ภายในประเทศ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลดีต่อกับตลาด Cryptocurrency ทั้งในด้านเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
โดยแนวโน้มของ Bitcoin ในปี 2025 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Bitcoin จะปรับตัวขึ้นไปถึงราคา 150,000 ดอลลาร์ภายในกลางปี 2025 ด้วยปัจจัยหลายด้าน ทั้งในด้านอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นสาเหตุที่ตอกย้ำความน่าสนใจของ Bitcoin ในฐานะของสินทรัพย์ปลอดภัยตัวใหม่
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางไปสู่ราคา 150,000 ดอลลาร์นั้น Bitcoin อาจจะโดนเทขายตามวัฏจักรของราคา ซึ่งอาจจะทำให้ Bitcoin ร่วงลงมาปรับฐานที่บริเวณ 90,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะกลับตัวขึ้นไปสร้าง High ใหม่
จากการคาดการณ์แนวโน้มทั้งหมดนี้ เป็นการคาดการณ์ราคาสินทรัพย์ที่นิยมเทรดกันในตลาด Forex ซึ่งจะสังเกตได้ว่า การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทุกอย่าง จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ที่สำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งในช่วงนี้ โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในฝั่งตะวันออกกลาง ราคาของสินทรัพย์เหล่านี้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์, ทองคำ และ Bitcoin โดยคาดการณ์ว่า ราคาทองคำในปีหน้าจะขึ้นไปแตะที่ีระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 6-12 เดือนข้างหน้า และคาดการณ์ว่า Bitcoin จะปรับตัวขึ้นไปที่ 150,000 ดอลลาร์ภายในกลางปี 2025
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือ ควรติดตามข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่เทรดเดอร์เทรดอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปของราคา และเพื่อหาจุดเข้าและออกจากตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกเหนือจากการติดตามข่าวสารแล้ว เทรดเดอร์จะต้องไม่ลืมความสำคัญของการบริหารการเงินในพอร์ต เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการล้างพอร์ตได้นั่นเองครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers