List of content
Stochastic Oscillator คืออะไร? หาจุดเข้าซื้อยังไงในตลาด Forex
Stochastic Oscillator คืออะไร? การเทรดในตลาด Forex ให้ได้กำไร การมี Indicator คอยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของทุกท่านไว้ คงจะดีไม่ใช่น้อย วันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview ได้หยิบเอา Indicator ที่น่าสนใจมาแนะนำให้ทุกท่าน นั่นคือ Stochastic Oscillator มาให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับ
Stochastic Oscillator คือ เครื่องมือที่ใช้วัด Momentum ของสินทรัพย์ โดย Indicator จะชี้ให้เห็นว่าราคาของสินทรัพย์ ณ ปัจจุบัน อยู่ในช่วงสูงหรือต่ำ และยังสามารถบอกถึงการกลับตัวของราคาสินทรัพย์ได้อีกด้วย การที่เทรดเดอร์ทุกท่านใช้ Stochastic Oscillator ประกอบกับ Indicator ตัวอื่น ๆ เช่น Volume หรือแนวรับแนวต้าน รวมถึงการวิเคราะห์ข่าวและปัจจัยพื้นฐาน ก็จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของทุกท่านได้ครับ
Stochastic Oscillator ถูกพัฒนาโดย George Lane ในทศวรรษ 1950
หลักการทำงานของ Stochastic Oscillator เป็นการเปรียบเทียบราคาปิดของสินทรัพย์กับช่วงเวลาปัจจุบันภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ซึ่ง Stochastic Oscillator ประกอบด้วย 2 เส้น นั่นคือ %K และ %D
- %K คือ เส้นที่แสดงผลลัพธ์ของสูตรคำนวณ
- %D คือ เส้นเฉลี่ยของราคา (Moving Average) ของ %K มักใช้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วัน
การตั้งค่า Stochastic Oscillator นั้นจะมีหลายค่าด้วยกัน ซึ่งจะแล้วแต่ระบบการเทรดของเทรดเดอร์แต่ละท่าน โดยการตั้งค่า Stochastic Oscillator จะประกอบไปด้วย 3 ตัวเลข คือ 1. %K Length, 2. %K Smoothing และ 3. %D Smoothing โดยตัวอย่างการตั้งค่าตัวเลขที่นิยมจะเป็นดังต่อไปนี้ครับ
- 5, 3, 3
- 8, 3, 3
- 14, 3, 3
ตัวเลขของการตั้งค่า Stochastic Oscillator จะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของเทรดเดอร์, สินทรัพย์ที่เทรด และแบบแผนการเทรดของแต่ละคน เทรดเดอร์ทุกท่านจะเห็นได้ว่ายิ่งค่าสูงมากขึ้นจะแสดงถึงความไวต่อสัญญาณรบกวนน้อย ส่วนยิ่งค่าที่ต่ำจะแสดงถึงความไวต่อสัญญาณรบกวนมาก การตั้งค่าตัวเลขที่สูงและต่ำนั้นทำให้เกิดความถี่ของการเกิดสัญญาณแตกต่างกันครับ
สูตรการคำนวณ Stochastic Oscillator คือ
%K = (Current Close - Lowest Low) / (Highest High - Lowest Low) * 100 |
%K = [(ราคาปิดปัจจุบัน - ราคาที่ต่ำที่สุด) / (ราคาที่สูงที่สุดของวัน - ราคาที่ต่ำที่สุดของวัน)] *100 |
%D = 3-day SMA of %K |
โดยที่
- Current Close คือ ราคาปิดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาปัจจุบัน
- Lowest Low คือ ราคาต่ำสุดที่สินทรัพย์ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด
- Highest High คือ ราคาสูงสุดของสินทรัพย์ไปถึงในเวลาที่กำหนด
%K เป็นตัวบ่งชี้ Fast Stochastic เนื่องจากจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า ส่วน %D เป็นตัวบ่งชี้ Slow Stochastic เนื่องจากโดยปกติแล้วจะเฉลี่ยค่าการเคลื่อนไหว 3 ช่วงเวลาของ %K
การวิเคราะห์โดยใช้ Stochastic Oscillator จะเคลื่อนที่ระหว่าง 0 ถึง 100 เทรดเดอร์ที่ใช้งาน Stochastic Oscillator จะดูสัญญาณของ Indicator ว่าราคาสินทรัพย์เกิดการซื้อมากเกินไปหรือการขายมากเกินไป แต่การใช้ Stochastic Oscillator สามารถเกิดสัญญาณหลอก (Divergence) ในการวิเคราะห์กราฟได้ครับ
- ค่า Stochastic ที่สูงกว่า 80 ถือว่ามีการซื้อที่มากเกินไป (Overbought)
- ค่า Stochastic ที่ต่ำกว่า 20 ถือว่ามีการขายที่มากเกินไป (Oversold)
Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นเมื่อทิศทางของตัวบ่งชี้ Indicator ไม่สอดคล้องกับทิศทางราคาสินทรัพย์
การใช้งาน Stochastic Oscillator ของเทรดเดอร์ต้องมีหลายองค์ประกอบในการเทรด เพื่อให้เทรดเดอร์ทุกท่านสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Overbought/ Oversold ใช้เพื่อระบุระดับที่อาจเกิดแนวโน้มกลับตัว
- Divergence ใช้เพื่อหาสัญญาณกลับตัวของราคาสินทรัพย์
- Cross Over การตัดกันของเส้น %K และ %D อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เส้น %K ตัดเส้น %D ลงไปเป็นแนวโน้มขาลงและเส้น %K ตัดเส้น %D ขึ้นไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น
การใช้ Stochastic Oscillator กับการเทรด Forex ตัวอย่างสกุลเงิน USD/JPY นั้นแสดงให้เห็นว่าการใช้อินดิเคเตอร์ Stochastic Oscillator สามารถนำไปใช้พิจารณาในการเทรด เพื่อให้ทุกท่านสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้การเทรดได้
การใช้ Stochastic Oscillator ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ เช่น การใช้ Stochastic Oscillator กับ EMA และการใช้ Stochastic Oscillator กับ Volume ทำให้เทรดเดอร์ทุกท่านสามารถดูได้ทั้งแนวโน้มของราคาและโมเมนตัม ซึ่ง Indicator จะเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของเทรดเดอร์ทุกท่านได้
ความแม่นยำของ Stochastic Oscillator หรือแม้แต่ความแม่นยำของทุก ๆ Indicator ไม่สามารถชนะการเทรดและได้กำไร 100% แต่การใช้ Stochastic Oscillator ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นเทรดเดอร์ทุกท่านสามารถทำได้ ดังนี้
- การตั้งค่าพารามิเตอร์ที่ถูกต้อง
- การใช้ Indicator ที่เหมาะกับสภาวะตลาด
- การใช้ Stochastic Oscillator ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ
- การมี Money Management ในการเทรด
- การเทรดด้วย Technical ร่วมกับการใช้ปัจจัยพื้นฐาน
ข้อดีของ Stochastic Oscillator
- ระบุ Overbought กับ Oversold ได้อย่างแม่นยำ
- สามารถนำไปใช้งานและตั้งค่าได้ง่าย
- สามารถใช้ได้ในหลายกรอบเวลา
- สามารถนำไปใช้ได้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท
- ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ รวมถึงปัจจัยพื้นฐาน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดได้
ข้อเสียของ Stochastic Oscillator
- สัญญาณผิดพลาดในกรณีสินทรัพย์ในตลาดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
- ใช้ Stochastic Oscillator อย่างเดียวในการเทรดอาจมีความเสี่ยงควรใช้ร่วมกับ Indicator ตัวอื่น เช่น แนวรับแนวต้าน, Volume รวมถึงปัจจัยพื้นฐาน
- ไม่สามารถระบุแนวโน้มใหญ่ได้ ควรใช้ Indicator อื่นในการประกอบแผนการเทรดด้วยครับ
- การตั้งค่าตัวเลข Stochastic Oscillator ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อการเทรดของเทรดเดอร์ได้
- สัญญาณที่ล่าช้า แม้ Indicator จะให้สัญญาณชัดเจนและการเกิดสัญญาณล่าช้าอาจส่งผลต่อการเทรดได้
RSI ต่างกับ Stochastic Oscillator ยังไง?
RSI ต่างกับ Stochastic Oscillator ที่วิธีการคำนวณ, การใช้ช่วงเวลา และการตีความของ Indicator
เส้น K คืออะไร?
เส้น K คือ %K หมายถึงเส้นที่แสดงผลลัพธ์ของสูตรคำนวณ [(Current Close - Lowest Low) / (Highest High - Lowest Low)] * 100
ค่า Stochastic คืออะไร?
ค่า Stochastic คือ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาด โดยประกอบไปด้วย %K และ %D ซึ่งสามารถใช้ระบุ Overbought และ Oversold ได้
Stochastic ใช้บอกอะไร?
Stochastic ใช้บอกถึงสัญญาณซื้อและขาย ตามเส้นสัญญาณที่ตัดกัน
STO ย่อมาจากอะไร?
STO ย่อมาจาก Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator ค่ามาตรฐานตั้งค่ายังไง?
Stochastic Oscillator ค่ามาตรฐานที่เป็นที่นิยมคือ 5, 3, 3
Stochastic Oscillator คือ เครื่องมือที่ใช้วัด Momentum ของสินทรัพย์ โดย Indicator นั้นจะชี้ให้ทุกท่านเห็นว่า ราคาของสินทรัพย์ ณ ปัจจุบัน อยู่ในช่วงสูงหรือต่ำ และยังสามารถบอกถึงการกลับตัวของราคาสินทรัพย์ได้อีกด้วย โดยช่วงของ Stochastic Oscillator จะอยู่ระดับ 0-100 ถ้าช่วง 80-100 จะเป็นช่วง Overbought ส่วน 0-20 จะเป็นช่วง Oversold
อย่างไรก็ดี ในการใช้ Stochastic Oscillator ไม่สามารถการันตีการทำกำไรได้ 100% เพราะสามารถเกิดสัญญาณหลอกได้ (Divergence) และการใช้ Stochastic Oscillator เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการใช้งานร่วมกับ Indicator อื่น ๆ รวมถึงเทรดเดอร์ควรตั้งค่า Stochastic Oscillator ให้เหมาะสมกับตลาด และมี Money Management ในการเทรด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้มีประสิทธิภาพในการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากยิ่งขึ้นครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers