List of content
เทรดเดอร์ Forex แบบไหนเหมาะกับบัญชีการเทรดของ HFM
เปิดบัญชี HFM บัญชีไหนดี? หลังจากก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอการเปิดบัญชีเพื่อรับโบนัสกับ HFM ไปแล้ว ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงการเลือกประเภทบัญชีซื้อขายให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์แต่ละท่านกันครับ เพราะบัญชีซื้อขายของ HFM แต่ละประเภทเหมาะกับเทรดเดอร์แตกต่างกัน ดังนั้น ประเภทบัญชีจึงส่งผลต่อกลยุทธ์และโอกาสในการทำกำไรที่แตกต่างกันตามไปด้วยครับ
การเลือกประเภทบัญชีซื้อขาย Forex สำคัญอย่างไร?
ก่อนจะเลือกประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เทรดเดอร์จำเป็นต้องเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นอันดับแรก ซึ่งเกณฑ์ในการพิจารณาโบรกเกอร์ Forex จะแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติที่เทรดเดอร์ต้องการ โดยโบรกเกอร์ที่ดีจะมอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีและช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้แก่เทรดเดอร์ครับ
และนอกจากการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์แล้ว การเลือกประเภทบัญชีซื้อขายก็สำคัญเช่นกัน เพราะไม่ใช่เทรดเดอร์ทุกคนจะเหมาะกับบัญชีทุกประเภท ดังนั้น การเลือกบัญชีซื้อขายให้ตรงกับสไตล์ กลยุทธ์ ตลอดจนข้อจำกัดอื่น ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เทรดเดอร์ควรนำมาพิจารณา
ประเภทบัญชีของ HFM
HFM เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่มีบัญชีการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลากหลายประเภท เทรดเดอร์สามารถเลือกประเภทบัญชีให้ตรงกับความต้องการ โดยมีบัญชีให้เลือกใช้ ดังนี้
บัญชี |
Premium |
Pro |
Zero |
Cent |
Leverage |
1:2000 |
1:2000 |
1:2000 |
1:2000 |
Spread |
1.2 pips |
0.5 pips |
0.0 pips |
1.2 pips |
ขนาดสัญญา |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 1,000 Units |
ขนาด Lot ขั้นต่ำ |
- |
0.01 Lot |
0.01 Lot |
0.01 Lot |
ขนาด Lot สูงสุด |
60 Lots/ Position |
60 Lots/ Position |
60 Lots/ Position |
200 Lots/ Position |
เปิดสถานะพร้อมกันได้สูงสุด |
500 |
500 |
500 |
150 |
Free Swap |
✅ |
✅ |
✅ |
✅ |
Commission |
❌ |
❌ |
✅ |
❌ |
ฝากขั้นต่ำ |
$5 |
$5 |
$100 |
$5 |
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจในการลงทุน
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นครับว่า เทรดเดอร์แต่ละคนมีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน ดังนั้น ประเภทบัญชีซื้อขาย Forex ที่เหมาะสมจึงสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้แก่เทรดเดอร์แตกต่างกันตามไปด้วย แล้วเทรดเดอร์ Forex แบบไหนเหมาะกับบัญชีการเทรดของ HFM เราไปติดตามกันครับ
กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Sniper คือ การเทรดที่อาศัยความแม่นยำในการทำกำไรสูง กล่าวคือ เทรดเดอร์ต้องมีความชัดเจนในสัญญาณการซื้อขาย มั่นใจในแผนการเทรดของตัวเอง จากนั้นรอจังหวะที่ดีที่สุดเพื่อซื้อขาย พร้อมแผนรับมือเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ด้วยการกำหนดจุด SL/ TP และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมที่รอบคอบ ดังนั้น การเทรดในลักษณะ Sniper จึงต้องอาศัยทั้งความอดทน รอบคอบ ชัดเจน รวดเร็ว และแม่นยำสูงมากครับ
เนื่องจากเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Sniper ต้องการทำกำไรให้ได้มาก ๆ ในแต่ละครั้ง เพราะการเปิดออเดอร์แต่ละครั้งต้องใช้ความอดทนและแม่นยำสูงมาก ดังนั้น เทรดเดอร์กลุ่มนี้จึงไม่ค่อยนิยมเปิดออเดอร์บ่อยนัก
คุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Sniper Trading
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Sniper มักจะต้องการคุณสมบัติต่อไปนี้ในบัญชีการซื้อขายของพวกเขา
-
ขนาดล็อต (Lot Size) ที่ค่อนข้างใหญ่มาก เนื่องจากการเทรดแบบ Sniper เปิดออเดอร์ไม่บ่อยนัก ดังนั้น จึงต้องมีขนาดล็อตสูงสุดที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการทำกำไร
-
เลเวอเรจ (Leverage) ที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากการเทรดแบบ Sniper เปิดออเดอร์ไม่บ่อยนัก ดังนั้น จึงต้องใช้เลเวอเรจช่วยเพื่อทำกำไรในการซื้อขายแต่ละครั้ง
-
ค่าสเปรด (Spread) ที่ต่ำถึงต่ำมาก เพราะหากสเปรดสูงจะไม่คุ้มค่ากับการเปิดออเดอร์
-
ค่าสวอป (Swap) ฟรี เพราะหากถือสถานะข้ามคืน การเสียค่าสวอปจะทำให้ไม่คุ้มค่ากับการเปิดออเดอร์
-
เครื่องมือการซื้อขายที่สามารถสนับสนุนการเทรด
ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับ Sniper Trading
จากคุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Sniper Trading ในข้างต้น จะเห็นได้ว่า ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับกลยุทธ์ดังกล่าว คือ “บัญชี Pro และบัญชี Zero” เพราะทั้ง 2 บัญชีนี้มี Lot Size และ Leverage สูง ขณะที่ค่า Spread ต่ำที่สุดในประเภทบัญชีทั้งหมด อีกทั้ง ยังไม่มีค่า Swap ด้วยครับ
อย่างไรก็ดี บัญชี Zero อาจมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนเงินฝากขั้นต่ำที่สูงกว่าบัญชีอื่น ๆ โดยอยู่ที่ $100 ประกอบกับมีค่า Commission ด้วย
⚠️ เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะทำให้การเทรดแบบ Sniper Trading ที่เน้นความแม่นยำในการเปิดคำสั่งซื้อขาย ไม่ได้ราคาในจุดที่ต้องการ และอาจจะทำให้เสียเงินทุนจากปัจจัยดังกล่าวนี้
บัญชี |
Pro |
Zero |
Leverage |
1:2000 |
1:2000 |
Spread |
0.5 pips |
0.0 pips |
ขนาดสัญญา |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 100,000 Units |
ขนาด Lot ขั้นต่ำ |
0.01 Lot |
0.01 Lot |
ขนาด Lot สูงสุด |
60 Lots/ Position |
60 Lots/ Position |
เปิดสถานะพร้อมกันได้สูงสุด |
500 |
500 |
Free Swap |
✅ |
✅ |
Commission |
❌ |
✅ |
ฝากขั้นต่ำ |
$5 |
$100 |
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจในการลงทุน
กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Day Trading คือ การซื้อขายที่สามารถจบได้ในวันเดียว กล่าวคือ เทรดเดอร์จะเก็งกำไรในสินทรัพย์หนึ่งด้วยระยะเวลาสั้น ๆ จากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเล็ก ๆ ภายใน 1 วัน หรืออาจจะเพียงเซสชันเดียว ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า กลยุทธ์ Day Trading มีความเสี่ยงสูงมาก เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องมีประสบการณ์ ความอดทน และความรวดเร็วที่สูงมากเช่นกันครับ
เนื่องจากเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Day Trading ต้องการทำกำไรให้ได้ภายในวันเดียว ดังนั้น เทรดเดอร์กลุ่มนี้จึงมักจะปิดสถานะทั้งหมดก่อนที่ตลาดจะปิดและไม่ถือสถานะข้ามคืน
คุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Day Trading
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Day Trading มักจะต้องการคุณสมบัติต่อไปนี้ในบัญชีการซื้อขายของพวกเขา
-
เลเวอเรจ (Leverage) ที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากการเทรดแบบ Day Trading จบการซื้อขายด้วยระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น จึงต้องใช้เลเวอเรจช่วยเพิ่มกำลังซื้อขายเพื่อทำกำไร
-
ค่าสเปรด (Spread) ที่ต่ำถึงต่ำมาก เพราะหากสเปรดสูงจะไม่คุ้มค่ากับการเปิดออเดอร์ เพราะต้องเปิดออเดอร์บ่อยครั้ง
-
จำนวนเงินฝากขั้นต่ำน้อย เพราะส่วนมากมักจะเป็นเทรดเดอร์รายย่อย ดังนั้น จำนวนทุนที่น้อยจึงทำให้เทรดเดอร์รายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า
-
เครื่องมือการซื้อขายที่สามารถสนับสนุนการเทรด
ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับ Day Trading
จากคุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Day Trading ในข้างต้น จะเห็นได้ว่า ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับกลยุทธ์ดังกล่าว คือ “บัญชี Pro และบัญชี Cent” เพราะทั้ง 2 บัญชีนี้มีจำนวนเงินฝากขั้นต่ำน้อย Leverage สูง และค่า Spread ที่ต่ำ นอกจากนี้ ทั้ง 2 บัญชียังมีการดำเนินการด้วยราคาตลาด (Market Execution) ที่รวดเร็วอีกด้วย
อย่างไรก็ดี บัญชี Cent อาจมีข้อจำกัดในเรื่องค่า Spread ที่สูงกว่าบัญชี Pro แต่ก็อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น ๆ อีกทั้ง ด้วยคุณสมบัติอื่น ๆ ของบัญชี Cent จึงกล่าวได้ว่า บัญชีนี้ค่อนข้างเหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ครับ
⚠️ แต่เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะทำให้การเทรดแบบ Day Trading ไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากการเทรดแบบ Day Trading นั้น จำเป็นที่จะต้องเข้าและออกออเดอร์ตลอดทั้งวัน เพื่อให้ได้กำไร และการที่โบรกเกอร์มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่ช้า อาจจะทำให้เทรดเดอร์เสียเปรียบได้
บัญชี |
Pro |
Cent |
Leverage |
1:2000 |
1:2000 |
Spread |
0.5 pips |
1.2 pips |
ขนาดสัญญา |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 1,000 Units |
ขนาด Lot ขั้นต่ำ |
0.01 Lot |
0.01 Lot |
ขนาด Lot สูงสุด |
60 Lots/ Position |
200 Lots/ Position |
เปิดสถานะพร้อมกันได้สูงสุด |
500 |
150 |
Free Swap |
✅ |
✅ |
Commission |
❌ |
❌ |
ฝากขั้นต่ำ |
$5 |
$5 |
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจในการลงทุน
กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Swing Trading คือ การเก็งกำไรจากรอบการแกว่งตัวของราคาสินทรัพย์ กล่าวคือ เทรดเดอร์จะมองหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของสินทรัพย์ในช่วงกรอบเวลา (Timeframe) หนึ่ง ซึ่งแตกต่างจาก Day Trading ที่ปิดสถานะภายในวันเดียว ทำให้ส่วนต่างราคาของกลุยทธ์การเทรดแบบ Swing Trading จะมากกว่าการเทรดแบบ Day Trading ดังนั้น การเทรดในลักษณะนี้จึงมีความคล้ายคลึงกับ Sniper บางส่วน คือ อาศัยความอดทน ชัดเจน แม่นยำ อีกทั้ง ยังต้องมีการควบคุมความเสี่ยงที่ดีด้วยเช่นกันครับ
เนื่องจากเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Swing Trading ต้องการทำกำไรในแต่ละรอบการแกว่งตัว ดังนั้น เทรดเดอร์กลุ่มนี้จึงมักจะเปิดสถานะข้ามคืนเป็นรอบ โดยอาจจะเป็นช่วงไม่กี่วันถึงหลายสัปดาห์ครับ
คุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Swing Trading
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Swing Trading มักจะต้องการคุณสมบัติต่อไปนี้ในบัญชีการซื้อขายของพวกเขา
-
ขนาดล็อต (Lot Size) ที่ค่อนข้างใหญ่มาก เนื่องจากการเทรดแบบ Swing Trading เปิดออเดอร์ตามรอบการแกว่งตัว ดังนั้น หากมีขนาดล็อตสูงสุดที่เหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น
-
เลเวอเรจ (Leverage) ที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากการเทรดแบบ Swing Trading เปิดออเดอร์ตามรอบการแกว่งตัว ดังนั้น จึงต้องใช้เลเวอเรจช่วยเพิ่มกำลังซื้อขายเพื่อทำกำไร
-
ค่าสวอป (Swap) ฟรี เพราะหากถือสถานะข้ามคืน การเสียค่าสวอปจะทำให้ไม่คุ้มค่ากับการเปิดออเดอร์
-
เครื่องมือการซื้อขายที่สามารถสนับสนุนการเทรด
ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับ Swing Trading
จากคุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Swing Trading ในข้างต้น จะเห็นได้ว่า ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับกลยุทธ์ดังกล่าว คือ “บัญชี Premium และบัญชี Pro” เพราะทั้ง 2 บัญชีนี้มี Leverage สูง ฟรีค่า Swap อีกทั้ง ยังมีขนาดล็อตสูงสุดมาก โดยเฉพาะบัญชี Premium ครับ แต่หากพิจารณาเพียงค่า Swap ทาง HFM ก็มี Free Swap ในทุกประเภทบัญชีครับ
อย่างไรก็ดี บัญชีทั้ง 2 ประเภท มีข้อจำกัดแตกต่างกันในเรื่องค่า Spread การดำเนินการด้วยราคาตลาด ตลอดจนขนาดล็อตสูงสุด ดังนั้น คุณอาจเลือกประเภทบัญชีที่สามารถตอบโจทย์ได้สูงสุดครับ
⚠️ แต่เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะทำให้การเทรดไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก ถึงแม้ว่าจะเป็นการเทรดแบบ Swing Trading ก็ตาม แต่การส่งคำสั่งซื้อขายที่ช้านั้น ก็เป็นข้อควรระวังด้วยเช่นกัน
บัญชี |
Premium |
Pro |
Leverage |
1:2000 |
1:2000 |
Spread |
1.2 pips |
0.5 pips |
ขนาดสัญญา |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 100,000 Units |
ขนาด Lot ขั้นต่ำ |
- |
0.01 Lot |
ขนาด Lot สูงสุด |
60 Lots/ Position |
60 Lots/ Position |
เปิดสถานะพร้อมกันได้สูงสุด |
500 |
500 |
Free Swap |
✅ |
✅ |
Commission |
❌ |
❌ |
ฝากขั้นต่ำ |
$5 |
$5 |
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจในการลงทุน
กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Scalping Trading คือ การเน้นทำกำไรเพียงเล็กน้อยแบบบ่อยครั้ง กล่าวคือ การอาศัยจับจังหวะความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำกำไรเพียงเล็กน้อยสะสมไปเรื่อย ๆ ซึ่งการเทรดลักษณะนี้จะแบ่งเข้าเทรดหลายครั้งใน 1 วัน อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำให้การเทรดลักษณะอาจดูเหมือนเสี่ยงขาดทุนน้อยกว่าการเทรดแบบอื่น ๆ แต่ก็จำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบทีละน้อยไปเรื่อย ๆ ครับ ดังนั้น การเทรดในลักษณะนี้จึงจำเป็นต้องมีความอดทนและความรวดเร็วที่สูงมาก
เนื่องจากเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Scalping Trading ต้องการทำกำไรในระยะสั้นเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เทรดเดอร์กลุ่มนี้จึงมักจะเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าการเทรดแบบ Day Trading
คุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Scalping Trading
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Scalping Trading มักจะต้องการคุณสมบัติต่อไปนี้ในบัญชีการซื้อขายของพวกเขา
-
ขนาดล็อต (Lot Size) ที่ค่อนข้างใหญ่มาก เนื่องจากการเทรดแบบ Scalping Trading เน้นทำกำไรทีละเล็กทีละน้อยแบบบ่อยครั้ง ดังนั้น หากมีขนาดล็อตสูงสุดที่เหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น
-
เลเวอเรจ (Leverage) ที่ค่อนข้างสูง เพราะจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อขายเพื่อทำกำไร
-
ค่าสเปรด (Spread) ที่ต่ำถึงต่ำมาก เพราะหากสเปรดสูงจะไม่คุ้มค่ากับการเปิดออเดอร์ เพราะต้องเปิดออเดอร์บ่อยครั้ง
-
เครื่องมือการซื้อขายที่สามารถสนับสนุนการเทรด
ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับ Scalping Trading
จากคุณสมบัติของบัญชีซื้อขายสำหรับกลยุทธ์ Scalping Trading ในข้างต้น จะเห็นได้ว่า ประเภทบัญชีของ HFM ที่เหมาะกับกลยุทธ์ดังกล่าว คือ “บัญชี Pro และบัญชี Zero” เพราะทั้ง 2 บัญชีนี้มี Lot Size และ Leverage สูง ขณะที่ค่า Spread ต่ำที่สุดในประเภทบัญชีทั้งหมดครับ
อย่างไรก็ดี บัญชี Zero อาจมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนเงินฝากขั้นต่ำที่สูงกว่าบัญชีอื่น ๆ โดยอยู่ที่ $100 และมีค่า Commission ด้วย แต่หากพิจารณาในเรื่องของค่า Spread ที่ต่ำสุดถึง 0.0 Pips สำหรับ Forex และทองคำ บัญชีดังกล่าวก็ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับการเทรดแบบ Scalping ครับ
⚠️ แต่เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ช้า ซึ่งอาจจะทำให้การเทรดไม่ได้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเทรดแบบ Scalping Trading ที่ต้องการความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย เข้าออกอย่างรวดเร็ว หากว่าโบรกเกอร์มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่ช้า อาจจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดแบบ Scalping Trading ได้เลย
บัญชี |
Pro |
Zero |
Leverage |
1:2000 |
1:2000 |
Spread |
0.5 pips |
0.0 pips |
ขนาดสัญญา |
1 Lot = 100,000 Units |
1 Lot = 100,000 Units |
ขนาด Lot ขั้นต่ำ |
0.01 Lot |
0.01 Lot |
ขนาด Lot สูงสุด |
60 Lots/ Position |
60 Lots/ Position |
เปิดสถานะพร้อมกันได้สูงสุด |
500 |
500 |
Free Swap |
✅ |
✅ |
Commission |
❌ |
✅ |
ฝากขั้นต่ำ |
$5 |
$100 |
*หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจในการลงทุน
นอกจากประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดในข้างต้นแล้ว HFM ยังมีประเภทบัญชีที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ด้วยเช่นกัน นั่นคือ “บัญชี Bonus และบัญชี HFcopy” ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรให้แก่เทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งลงสนาม แต่หากคุณต้องการฝึกปรือฝีมือ ทาง HFM ก็มี “บัญชี Demo” ให้ทดลองใช้งานเช่นกันครับ
สรุปเทรดเดอร์ Forex แบบไหน เหมาะสำหรับบัญชีของ HFM
การเลือกโบรกเกอร์และประเภทบัญชี Forex ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการทำกำไรจากการเทรด เนื่องจากแต่ละบัญชีถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์กับเทรดเดอร์ที่มีสไตล์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับตัวคุณจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้บัญชีที่มีตัวเลือกหลากหลายเกินไปอาจสร้างความสับสนได้ง่าย สำหรับ HFM แม้จะมีบัญชีให้เลือกหลากหลาย แต่ยังคงมีข้อควรคำนึงในเรื่องของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ล่าช้า หรือในบางกรณีอาจไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ ซึ่งอาจทำให้เทรดเดอร์พลาดโอกาสในราคาที่เหมาะสมหรือจุดทำกำไรที่สำคัญ จนอาจนำไปสู่ความเสียเปรียบในระยะยาว
ข้อมูลที่ทีมงาน Thaiforexreview ได้รวบรวมมานั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการพิจารณาเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชักจูงให้ลงทุนใด ๆ หากคุณสนใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และจัดการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ควรตระหนักว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจ Facebook Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers