List of content
ตามติด! ทำไม USD อ่อนค่า พร้อมตารางประชุม Fed 2567
USD หรือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน จากพิษเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ด้วยปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในช่วงที่ผ่านมา ค่อย ๆ ส่งผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แต่ปกติแล้วเมื่อ FED ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย แต่ทำไมรอบนี้ถึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง วันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยว่า ทำไมดอลลาร์ถึงอ่อนค่าลงในช่วงนี้ พร้อมกับอัปเดตตารางการประชุมของ FED ในปี 2024 นี้
ในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประสบกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปี 2022 โดยภาวะเงินเฟ้อนั้นเกิดขึ้นหลังจากโลกได้เข้าสู่ยุค Covid-19 ในช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6 ล้านชีวิตทั่วโลก ส่งผลให้หลาย ๆ ประเทศต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อที่จะประคองระบบเศรษฐกิจต่อไป
และจากปัจจัยของการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากนั้น ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นแหล่งรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และใหญ่เกินกว่าจะล้มละลาย จึงจำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเงินเข้าไปจำนวนมาก เพื่อประคองกิจการเหล่านั้นให้ยังอยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งผลที่ตามมา คือ อัตราเงินเฟ้อที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงปี 2022 เงินเฟ้อสหรัฐฯ ขึ้นไปที่ระดับ 9.1% ส่งผลให้ FED จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจที่มีมากเกินไป ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา FED ได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปที่ระดับ 5.50% และคงไว้ที่ระดับนี้มานานกว่า 14 เดือนติดกันแล้ว (ก.ค. 2023 - ก.ค. 2024)
(FED Fund Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ)
จากปัจจัยของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จึงส่งผลให้เหล่าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กำลังผลิตลดลง ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ถูกลดทอนอำนาจการซื้อขายลง เนื่องจากของที่แพงขึ้น ส่งผลให้ FED ต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเศรษฐกิจพังลงมากกว่านี้ พร้อมกับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาสู่สมดุลอีกครั้ง
“ดอลลาร์ร่วงลง เนื่องจากการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED”
(กราฟอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/บาท)
แม้ว่า FED ยังไม่ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ตาม แต่ในช่วงที่ผ่านมา FED ได้มีความเห็นหนักแน่นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเทขายสกุลเงินดอลลาร์ และย้ายเงินเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่น หุ้น กองทุนรวม หรือทองคำ เป็นต้น และกดดันสกุลเงินดอลลาร์ลงจากการถือครองที่น้อยลง ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ดอลลาร์ร่วงลงไปถึง 33 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งถ้าหากว่า FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจริง ๆ ก็มีความเป็นได้ว่า ค่าเงินดอลลาร์อาจจะร่วงลงไปต่ำกว่านี้ก็เป็นได้ครับ
(ตารางคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของ CME FEDWATCH)
ตารางข้างต้น เป็นตารางคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัด ๆ ไป โดยจะสังเกตได้ว่า อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลงแล้ว ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงไปอย่างต่อเนื่อง จากผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยที่ลดลง ลดความน่าดึงดูดของสกุลเงินดอลลาร์ โดยเหล่านักลงทุนย้ายเงินเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้
การประชุม FED มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงิน โดยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมทั่วโลก นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนและธุรกิจใช้ในการวางแผน ผลการประชุมมักส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดหุ้น พันธบัตร และอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักของโลก การสื่อสารของ FED ยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ตลอดจนมีบทบาทในการกำกับดูแลระบบการเงิน ด้วยเหตุนี้ การติดตามและวิเคราะห์ผลการประชุม FED จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและไทย โดยส่งผลต่อตลาดการเงิน ภาคธุรกิจ และผู้บริโภค การตัดสินใจของ FED โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงิน ต้นทุนการกู้ยืม และพฤติกรรมการลงทุนและการบริโภค นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์ตามนโยบาย FED ขณะที่ผู้ประกอบการอาจต้องทบทวนแผนการลงทุน ส่วนผู้บริโภคอาจเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงินของไทย ทำให้ทุกภาคส่วนต้องติดตามและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ทองคำ: มักจะมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับค่าเงินดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้น
- สินค้าโภคภัณฑ์: เช่น น้ำมัน โลหะมีค่า หรือสินค้าเกษตร มักจะมีราคาสูงขึ้นเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า
- หุ้นของบริษัทส่งออก: บริษัทที่มีรายได้หลักจากการส่งออกจะได้ประโยชน์เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่า
- ตลาดหุ้นในประเทศกำลังพัฒนา: อาจได้รับประโยชน์จากการไหลเข้าของเงินทุน
- สกุลเงินต่างประเทศ: โดยเฉพาะสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
- อสังหาริมทรัพย์: ในบางกรณีอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน
- พันธบัตรต่างประเทศ: อาจให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับพันธบัตรสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม นโยบายการเงิน และความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละสินทรัพย์
ดอลลาร์แข็งค่า อ่อนค่า หมายถึงอะไร ?
ดอลลาร์แข็งค่า หมายถึง มูลค่าของค่าเงินดอลลาร์ มีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ส่งผลให้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นได้มากขึ้น ในขณะที่ใช้จำนวนเงินเท่าเดิม
ดอลลาร์อ่อนค่า หมายถึง มูลค่าของค่าเงินดอลลาร์ มีค่าลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ส่งผลให้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นได้น้อยลง ในขณะที่ใช้จำนวนเงินเท่าเดิม
ปัจจัยที่ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า อ่อนค่า ?
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนมีหลายประการ โดยหลักการสำคัญคือ ความต้องการใช้เงินสกุลใดเพิ่มขึ้น จะทำให้ค่าเงินสกุลนั้นแข็งค่าขึ้น ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเมือง เช่น ในภาวะสงคราม นักลงทุนมักจะหันมาถือครองเงินสดในสกุลเงินที่มีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลก ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายการเงินของแต่ละประเทศก็มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ในกรณีที่ประเทศใดเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางมักจะตอบสนองด้วยการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การดำเนินการเช่นนี้มักจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการถือครองเงินสกุลนั้นเพิ่มขึ้น และทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้นในที่สุด
ดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจาก FED ส่งสัญญาณที่หนักแน่นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรุดตัวอย่างหนัก ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถ้าหากว่า FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่า ค่าเงินดอลลาร์จะร่วงลงไปต่ำกว่านี้ครับ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาชักชวนลงทุน แต่เป็นเพียงการอัปเดตสถานการณ์ของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงนี้เท่านั้น
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers