น้ำมัน WTI ปิดบวก 19 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 8.0 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 102.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 8.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ได้มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน WTI ยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนมี.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค. ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566

ทั้งนี้หากมีประกาศ หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เพิ่มเติม ก็อาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต