List of content
สรุป 8 ข่าวสำคัญ ทำราคาทองคำผันผวน ในกรอบ 1957-1940 ดอลลาร์สหรัฐ
วันนี้ราคาทองคำวิ่งเป็นกรอบ Side Way ในกรอบใหญ่ที่ 1957-1940 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณืไว้ อย่างจำนวนตัวเลขการว่างงานออกมาที่ 184,000 ราย ซึ่งเยอะกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 180,000 รายเท่านั้น และข่าวประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มากล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ จาก 2 ข่าวข้างต้นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเกิดความลังเลในการเทขาย หรือจะช้อนซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และอีกหลายข่าวที่เป็นปัจจัยเข้ามากระตุ้น ทำให้ทองคำวิ่งผันผวนในกรอบใหญ่นั่นเอง
ผมจึงสรุป 8 ข่าวสำคัญที่ทำราคาทองคำผันผวน มาให้อ่านกันดังนี้ครับ...
1) นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระบุว่า "การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่ FED อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้
2) ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวแข็งค่าขึ้น 0.28% หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนหน้า ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 2.900% เช่นกัน
3) ยูโรอ่อนค่าลง หลังจากที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่าอาจจำเป็นต้องปรับลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจลงอีก เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในยุโรป
4) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (ผู้นำประเทศยูเครน) บอกว่าไม่มีทางที่จะเดินทางไปยังกรุงมอสโกเพื่อเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (ผู้นำประเทศรัสเซีย) เพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ทางประธานาธิบดี โจ ไบเดน ต้องประกาศในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ จะช่วยเหลือทหารยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ครับ
5) หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่าเจ้าหน้าที่ EU กำลังร่างมาตรการที่จะห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันจากประเทศรัสเซีย โดยประเทศสมาชิก EU จะเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย ทำให้สัญญาน้ำมันดิบ (WTI) เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หลังมีรายงานพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันครั้งนี้ ซึ่งส่งผลต่อตลาดน้ำมันโลก
6) นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่โลกกำลังเจออยู่ในขณะนี้ ทั้งผลกระทบจากการที่รัสเซียกำลังโจมตียูเครน ไปถึงถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความกังวลให้กับการช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกเอง
7) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกในระยะสั้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ถดถอยลงจากสัปดาห์ที่แล้วนั่นเอง
8) จากข่าวข้างต้นล้วนมีผลต่อตลาดหุ้น ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 368.03 จุด หรือ -1.05%, ดัชนี S&P500 ปิด -1.48% และดัชนี Nasdaq ปิด -2.07% แต่ข่าวที่เป็นปัจจัยหลัก ๆ ของการเทขายหุ้นนั้นมาจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% เร็ว ๆ นี้ครับ
อย่างไรก็ตามเราควรติดตามสถานการณ์ตลาดโลกอย่างใกล้ชิด รวมถึงเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังเดินหน้าต่อไป เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดแรงผันผวนของราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง เราต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน เจอกันใหม่โอกาสหน้า ผมจะนำข่าวมาสรุปให้อ่านแบบนี้เรื่อย ๆ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ