List of content
"ธนาคารกลางจีน” อาจจะต้องถอยนโยบาย RRR Cuts ออกในไม่ช้า
"ทางเราเชื่อว่าสัดส่วนในการปรับลด RRR ในตอนนี้มีค่อนข้างจำกัด การใช้ RRR ในการจัดการสภาพคล่องทางการเงินนั้นจะเป็นอดีตในไม่ช้า”
- Lu Ting, Chief China Economist ที่ Nomura Holding Inc.
“ธนาคารกลางจีนอาจจะต้องพิจารณาการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อขยายฐานการเงิน นอกจากจะพึ่งพาธุรกรรมให้กู้ยืมสภาพคล่องระยะกลาง (MLF), การดำเนินนโยบายทางการเงินผ่านทางตลาดการเงินและการปล่อยสินเชื่อต่อในระยะยาว”
- Ding Shuang, Chief Economist ฝ่าย Greater China และ North Asia ที่ Standard Chartered Plc.
"ธนาคารกลางจีน มีเครื่องมือเชิงนโยบายที่เจาะจงและกำหนดเป้าหมาย เพื่อจัดการกับความแตกต่างภายในระบบเศรษฐกิจ RRR ควรจะถูกกีดกันมากกว่านี้ เนื่องจากขาดความแม่นยำในการส่งผลกระทบ รวมไปถึงมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าการอัดฉีดผ่าน MLF และการดำเนินนโยบายทางการเงินผ่านทางตลาดการเงิน”
- Avishek Suman, Head of Investment Research for China ที่ Acuity Knowledge Partners.
“ความท้าทายอีกประการหนึ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการในวงกว้างได้ คือความต้องการสินเชื่อที่อ่อนแอลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับแรงกดดันจากระเบียบที่เข้มงวดและการควบคุมโรค COVID-19 ที่อ่อนแอ”
“หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอุปสงค์ การเพิ่มสภาพคล่องในวงกว้างผ่านการปรับลด RRR จะนำไปสู่การสะสมเงินทุนในระบบการเงินโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง ดังนั้น เราเชื่อว่ามีความจำเป็นน้อยลงสำหรับการปรับลด RRR และความถี่ของการปรับลด RRR ก็ควรลดลงเช่นกัน”
- Meng Xiangjuan, An Analyst ที่ SWS Research Co.
นั้นคือมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์หลาย ๆ คนที่กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะปรับ RRR - หรือจำนวนเงินที่ธนาคารสำรองไว้ เนื่องจากธนาคารอาจจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องมืออื่น - ในขณะที่การเก็งกำไรนั้นเติบโตขึ้น ธนาคารกลางจีนอาจจะลดอัตราส่วนลงอีกครั้ง
ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจจะต้องถอยนโยบายปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน (RRR) ออกไปในเร็ววัน ซึ่ง RRR นั้นเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นสภาพคล่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน แต่เนื่องจาก ณ ตอนนี้ ค่าที่ได้นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำและพบว่ามีประสิทธิภาพที่น้อยลงในการจัดการกับความท้าทายทางโครงสร้างเศรษฐกิจที่จีนกำลังเผชิญอยู่
RRR เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญ
ธนาคารกลางจีนได้ใช้นโยบายต่าง ๆ เพื่อปรับค่าโน้มน้ามอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินในระบบเศรฐกิจของจีน ซึ่ง RRR ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของจีน โดยการให้สภาพคล่องระยะยาวแก่ผู้ให้บริการกู้ แปลง่าย ๆ ก็คือธนาคารพาณิชย์จะเสียค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้แก่ธนาคารน้อยลง และสามารถใช้เงินนั้นปล่อยกู้ให้กับลูกค้าได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะช่วยการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ แต่เครื่องมือนี้ก็ยังกว้างเกินไปที่จะให้กู้ยืมแก่ภาคส่วนที่ต้องการได้ เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารกลาง ได้เพิ่มการใช้มาตรการเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดเล็กและโครงการพลังงานสีเขียว เนื่องจากเน้นย้ำถึงความสำคัญของ "หน้าที่เชิงโครงสร้าง" ของนโยบายการเงิน
ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราส่วนลงอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดย RRR ได้ถ่วงค่าเฉลี่ยสำหรับทุกธนาคารลดลงเหลือ 8.4% จากประมาณ 21% ในปี 2554 ค่า RRR สำหรับธนาคารรายใหญ่ได้ปรับลดลงจาก 21.5% เป็น 11.5% ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคารกลางยังได้ผลักดันการส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้นโดยการปรับลดอัตราส่วนสำหรับธนาคารในชนบทเหลือ 5%ในช่วงเวลาก่อนปี 2554 นั้น ธนาคารกลางได้เคยยกเลิก RRR ในการควบคุมสภาพคล่องโดยรวมภายใต้การเกินดุลของบัญชีเดินสะพัดและเงินทุนหมุนเวียนมหาศาล
การตอบกลับของธนาคารกลาง
เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางจีนได้พาดพิงถึงความจริงที่ว่าการลดอัตราส่วนลงในอนาคตนั้นมีขอบเขตที่น้อยกว่าเดิม ผู้ว่าธนาคารจีน นาย Yi Gang ได้กล่าวไว้ในปี 2562 ว่า ระดับเงินสำรองโดยรวมของธนาคารจีนอยู่ในระดับเดียวกันกับธนาคารของประเทศที่พัฒนาแล้ว และช่องว่างสำหรับการลดปริมาณเงินต่อไปนั้น “น้อยกว่าเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา” และรองผู้ว่าการธนาคารจีน นาย Liu Guoqiang ได้ย้ำความคิดเห็นเหล่านั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
“ค่าเฉลี่ยของ RRR ในปัจจุบันสำหรับสถาบันการเงินนั้นอยู่ที่ 8.4% ซึ่งเป็นค่าที่ไม่สูงอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเทียบกับตลาดที่เกิดขึ้นใหม่หรือในประวัติศาสตร์ของเราเอง พื้นที่สำหรับการปรับลดอัตราส่วนเพิ่มเติมได้หดตัวลง แต่ในทางกลับกัน พื้นที่ยังคงมีอยู่แม้จะแคบลง อีกทั้งเรายังคงสามารถใช้งานได้โดยอ้างอิงตามสภาพเศรษฐกิจและความต้องการของนโยบายมหภาค” นาย Liu Guoqiang รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างการแถลงข่าวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
การตรวจสอบนโยบาย RRR ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบ่งชึ้ว่า การปรับค่า RRR นั้นประสบความสำเร็จในการส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงิน จำนวนเงินที่มากขึ้นในสัดส่วนระหว่าง ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในมือประชาชน (M2) และฐานเงินที่สร้างโดยธนาคารกลางจีน แสดงให้เห็นว่าแต่ละหยวนที่ธนาคารกลางอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินนั้นได้นำสู่มากกว่า 7 หยวนในระบบเศรษฐกิจผ่านการปล่อยกู้ของธนาคาร อีกทั้งการปล่อยกู้ยังเพิ่มขึ้นจากเพียงแค่ 4 หยวนในทศวรรษที่แล้ว
แต่ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นยังนำไปสู่ความไม่สมดุลของระบบเศรษฐกิจอีกด้วย เห็นได้จากหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ในภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลกำลังแก้ไขโดยการควบคุมการปล่อยสินเชื่อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหน้าที่ธนาคารต้องการให้เงินกู้ไหลเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจที่อ่อนแอ เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก หรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เช่น พลังงานสีเขียว
อย่างไรก็ตามเราก็ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการของธนาคารกลางจีนอีกครั้งนึง หากมีข่าวอัพเดตเราจะมาแจ้งให้ทราบกันครับ