List of content
Money Management คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไร?

หากกล่าวถึง Money Management แล้วนั้น เป็นเรื่องที่นักลงทุนควรศึกษาไว้ก่อนเริ่มการเทรด เพราะจะช่วยลดโอกาสเกิดการขาดทุนและรักษาเงินทุนเพื่อนำไปต่อยอดในการสร้างกำไรต่อไป ในบทความนี้จะพานักลงทุนไปรู้จักกับ Money Management (MM) และเทคนิคการทำ Money Management ที่เหมาะสม จะเป็นอย่างไรนั้น สามารถอ่านเพิ่มได้ที่บทความนี้ครับ
Money Management คือ การบริหารจัดการเงินทุนให้เป็นระบบ เพื่อให้การลงทุนของนักลงทุนมีระเบียบมากขึ้น อีกทั้ง ยังทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
ในตลาด Forex การนำ Money Management มาใช้ในการเทรด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนจัดการเงินลงทุนไม่ให้เทรดแล้วเงินทุนหายไปอย่างรวดเร็วหรือช่วยไม่ให้พอร์ตแตกได้ และยังช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อีกด้วยครับ
หากนักลงทุนไม่คำนึงถึงเรื่อง Money Management ทำให้ถึงแม้นักลงทุนจะได้กำไรจากการเทรด แต่พอร์ตการลงทุนอาจจะไม่ยั่งยืนและไม่มีประสิทธิภาพ เพราะนักลงทุนไม่มีการจัดสัดส่วนการลงทุนก่อนเทรดและไม่มีการประเมินความเสี่ยงสูงสุดที่รับได้ ซึ่งจะส่งผลให้ลงทุนมากเกินไปแล้วเกิดพอร์ตแตกได้
โดยการทำ Money Management ต้องมีการจัดสรรเงินทุนและต้องมีการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ในการลงทุน เพื่อให้การลงทุนยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ ซึ่งทางเรารวมความเสี่ยงในตลาด Forex หลัก ๆ ดังนี้
ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk)
ความเสี่ยงทางตลาด คือ ความเสี่ยงที่ราคาเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ, การเมือง, อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อและการปรับนโยบายทางการเงิน
ความเสี่ยงจาก Leverage (Leverage Risk)
ความเสี่ยงจาก Leverage คือ ความเสี่ยงที่การขาดทุนจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้ Leverage ที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงจากระบบ (System Risk)
ความเสี่ยงจากระบบ คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดของระบบการซื้อขายทั้งอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของโบรกเกอร์
เทคนิคการทำ Money Management นั้น คือ การวางแนวทางในการบริหารเงินทุน โดยการกระจายความเสี่ยงและการตั้งเป้าหมายกำไรและขาดทุน ซึ่งเทคนิคในการทำ Money Management ทางเราแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจได้มากขึ้น ดังนี้ครับ
การบริหารเงินอย่างเหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ การจัดสรรเงินทุนและวางแผนพอร์ตการลงทุนอย่างรอบคอบช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายหลัก อีกทั้งยังช่วยป้องกันการกู้ยืมเพื่อลงทุน ลดความเสี่ยงทางการเงิน และลดความเครียดที่อาจเกิดจากการใช้เงินที่ไม่เหมาะสม โดยการจัดสรรเงินทุนและวางแผนพอร์ตลงทุนมี 2 อย่างหลัก ๆ ที่นักลงทุนควรรู้
การแบ่งเงินเย็น
เงินเย็น คือ เงินออมที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เงินออมระยะยาวหรือเงินสำรองฉุกเฉิน ดังนั้น การนำเงินส่วนนี้มาลงทุนเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มมูลค่าให้กับเงินทุน พร้อมทั้งช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
การกระจายการลงทุน
การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) โดยกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร และกองทุนรวม การกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยเฉลี่ยผลตอบแทนและสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาวครับ
การลงทุนที่ดีเริ่มต้นจากการวางแผนที่รอบคอบ การแบ่งเงินให้ถูกต้องและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม จะช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนครับ
การลงทุนที่ดีไม่ได้อาศัยแค่โชค แต่ต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การคำนวณขนาดการลงทุน, การคำนวณ Margin Call , การกำหนดจุดทำกำไรจุดตัดขาดทุนและการทำ Trading Journey ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การกำหนดขนาดออเดอร์ (Position Sizing)
Position Sizing คือ เครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนคำนวณขนาดสัญญา (Lot) ที่เหมาะสมสำหรับพอร์ตการลงทุน เพราะหากนักลงทุนเปิดออเดอร์ที่มีจำนวน Lot มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ดังนั้น นักลงทุนควรเลือกขนาด Lot ให้เหมาะสมกับเงินทุนและระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้
การคำนวณ Margin Call
การคำนวณ Margin Call ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารเงินประกันได้อย่างเหมาะสม ป้องกันการขาดสภาพคล่อง และลดโอกาสในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุน
การกำหนดจุดทำกำไรและตัดขาดทุน (TP/SL)
การกำหนดจุดทำกำไร (TP) และจุดตัดขาดทุน (SL) บนกราฟเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด เพราะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด โดยการกำหนดจุดที่เหมาะสม นักลงทุนควรคำนวณจากเงินทุนและใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาร่วมด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งจุด SL/TP แล้ว สิ่งสำคัญที่ควรรู้ คือ ไม่ควรเลื่อนจุดเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรหรือเสี่ยงต่อการขาดทุนหนักกว่าเดิมได้ครับ
วิธีการกำหนดจุด Stop Loss นั้นสามารถทำได้โดยการนำ % การขาดทุนที่ยอมรับได้ ไปคูณกับราคาต้นทุนของหลักทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนที่เริ่มมีประสบการณ์แล้วจะสามารถวางจุด Stop Loss ได้จากกราฟ และคำนวณจากความผกผันของราคาสินทรัพย์
การทำ Trading Journey
การทำ Trading Journey ช่วยให้นักลงทุนสร้างระบบเทรดของที่เหมาะสมกับสไตล์ของตนเองแล้วยังช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารการลงทุน, จัดการอารมณ์และความเสี่ยงได้ เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพในระยะยาว
การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) คือ การจัดสรรหรือจัดการความเสี่ยงในการลงทุนของนักลงทุน เพื่อป้องกันการขาดทุนหรือลดโอกาสเกิดการล้างพอร์ต ซึ่งทางเรานำวิธีการบริหารความเสี่ยงเพื่อทำ Money Management หลัก ๆ มาแนะนำ ดังนี้
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk Reward Ratio)
การบริหารความเสี่ยงด้วย Risk Reward Ratio (RRR) เทรดเดอร์ควรวางแผนจัดการความเสี่ยงและประเมินผลตอบแทนของการเทรดในแต่ละครั้ง โดยเปรียบเทียบกันระหว่างกำไรที่คาดหวัง (TP) กับความเสี่ยงที่จะขาดทุน (Cut Loss) ซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 1:3 เพื่อป้องกันความเสียหาย (Risk) ที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตการลงทุน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน (Reward) ให้แก่นักลงทุน
การ Cut Loss
การ Cut Loss คือ การขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนออกไป โดยเทรดเดอร์ต้องการขาดทุนให้น้อยที่สุด เช่น หากนักลงทุนกำลังถือสินทรัพย์เสี่ยงที่อาจโดน Margin Call หรือขาดทุนเกินกว่าที่จะรับได้ นักลงทุนอาจพิจารณาเพื่อขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนออกไปไม่ให้ขาดทุนหนักกว่าเดิม เพื่อป้องกันเงินทุนที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็ได้ครับ
การจัดการอารมณ์
การควบคุมอารมณ์ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการลงทุนโดยใช้อารมณ์แทนการวิเคราะห์ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนหรือผลตอบแทนที่ไม่เหมาะสมกับพอร์ต
- สามารถช่วยจัดระบบการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการขาดทุนหรือลดโอกาสเกิดการล้างพอร์ต
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรระยะยาว
- ช่วยลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน
- ช่วยเพิ่มวินัยในการลงทุน โดย Money Management ช่วยให้นักลงทุนมีแผนที่ชัดเจนในการกำหนดขนาดการเทรด การตั้งจุดตัดขาดทุน (SL) และจุดทำกำไร (TP)
- อาจจะพลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น ในช่วงที่ราคาตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีกว่าที่คาดการณ์
-
การคำนวณขนาดการลงทุนที่อาจซับซ้อนเกินไปสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ เช่น การคำนวณ Position Sizing และ Risk Reward เป็นต้น
แม้ Money Management จะมีข้อเสีย แต่ยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเทรด เพราะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาวได้ครับ
RRR ย่อมาจากอะไร?
➣ Risk Reward Ratio (RRR) คือ อัตราส่วนที่เปรียบเทียบระหว่างความเสี่ยงที่จะขาดทุน (Risk) กับโอกาสที่ได้กำไรหรือผลตอบแทน (Reward)
สามารถปรับแผน Money Management ได้หรือไม่?
➣ นักลงทุนสามารถปรับแผน Money Management ได้ตามสถานการณ์ตลาด เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนและเป้าหมายของนักลงทุนครับ
เริ่มต้นวางแผน Money Management อย่างไรดี?
➣ สำหรับนักเทรดที่สนใจบริหารจัดการทุน ควรเริ่มวางแผน Money Management เพราะถือว่ามีส่วนช่วยในการจัดการทุนให้มีระบบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนจะไม่วางแผน Money Management ก็ย่อมได้ เนื่องจากเป้าหมาย, เงินทุน, การยอมรับความเสี่ยง, เทคนิค และกลยุทธ์ในการเทรดของนักเทรดแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งการวางแผน Money Management เป็นหนึ่งในทางเลือกให้แก่นักลงทุนเท่านั้น
Money Management สามารถใช้กับสินทรัพย์ทุกประเภทได้หรือไม่?
➣ Money Management สามารถนำไปใช้กับการลงทุนทุกประเภท เช่น หุ้น, Forex, CFD หรือ Cryptocurrency
Money Management เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ เมื่อนักลงทุนจะเริ่มต้นการเทรด เนื่องจากเป็นตัวช่วยในการวางแผนจัดการการเงินได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น สามารถเปรียบเทียบกำไรขาดทุนกับต้นทุนได้ ซึ่งถือเป็นการบริหารพอร์ตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้ว่านักลงทุนจะได้กำไร แต่ไม่มีการ Money Management กำไรที่นักลงทุนได้มา อาจมีโอกาสเสียได้เช่นกันและยิ่งถ้าเป็นการเทรดในตลาด Forex ที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรต้องเรียนรู้เรื่องนี้ไว้ เพื่อให้การจัดพอร์ตมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสพอร์ตแตกและช่วยเพิ่มโอกาสในการได้กำไรในระยะยาวครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคุณ
