3 กลยุทธ์เทรดทองคำที่นักลงทุนมืออาชีพใช้ทำกำไรในปี 2024

การเทรดทองคำเป็นหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่า เทรดเดอร์มือใหม่ที่เข้ามาในวงการเทรดนี้ ก็อาจจะโดนตลาดรับน้องทำให้เสียเงินไปไม่มากก็น้อย ในวันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะพาทุกคนมารู้จักกับ 3 กลยุทธ์ในการเทรดทองคำที่นักลงทุนมือใช้ในการทำกำไร ในปี 2024 จะมีกลยุทธ์การเทรดแบบไหนบ้าง และใครกำลังใช้แบบไหนอยู่ ติดตามได้ในบทความนี้ครับ

การเทรดทองคำ คือ การลงทุนในทองคำรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นการซื้อขายทองคำจริง ๆ แต่เป็นการซื้อขายสัญญา CFD (Contract For Difference) ซึ่งเป็นสัญญาที่คาดหวังส่วนต่างของราคา เพื่อนำมาเป็นกำไรนั่นเอง ตัวอย่างเช่น นาย A คาดการณ์ว่าราคาทองคำคืนนี้จะปรับตัวลง นาย A จึงทำการเปิดออเดอร์ Sell ทองคำเอาไว้จำนวน 0.1 lot และในคืนนั้น ราคาทองคำปรับตัวลงจากระดับ 2,400 ดอลลาร์ ลงมาที่บริเวณ 2,300 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 10,000 จุด แสดงว่า นาย A จะได้รับกำไรจากการ Sell มาทั้งหมด 1,000 ดอลลาร์นั่นเองครับ 

นอกจากนี้ ในการเทรด CFD ยังมีเครื่องมือที่เรียกว่า Leverage เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้กำลังการซื้อขายของเทรดเดอร์ทวีกำลังขึ้นไปอีก ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์มีทุนการเทรดอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ โดยต้องการซื้อทองคำที่มีราคา 2,400 ดอลลาร์ ซึ่งในกรณีนี้เทรดเดอร์จะไม่สามารถซื้อทองคำได้ แต่ถ้าหากว่า เทรดเดอร์นำ Leverage เข้ามาช่วย 1:10 ก็แปลว่า เทรดเดอร์จะมีทุนเท่ากับ 20,000 ดอลลาร์ โดยที่เทรดเดอร์มีทุนจริง ๆ อยู่เพียง 2,000 ดอลลาร์เท่านั้น แต่ Leverage นั้นก็เป็นเหมือนกับดาบสองคมที่สามารถทำให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้จากทุนน้อย ๆ หรืออาจจะทำให้เทรดเดอร์สูญเงินจำนวนทั้งหมดได้เช่นกันครับ

การเทรดทองคำเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์มาหลายปี เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยซึ่งมักถูกมองว่าเป็นการป้องกันเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การเทรดทองคำอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อราคา

กลยุทธ์การเทรดสามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์การเทรดทองคำยอดนิยม 3 กลยุทธ์ในปี 2024:

กลยุทธ์การซื้อขายทองคำมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละกลยุทธ์มีจุดแข็งและจุดอ่อน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

 1. กลยุทธ์แนวรับ-แนวต้าน + การ Break Out

กลยุทธ์แนวรับ-แนวต้านใช้ระดับราคาสำคัญในการทำหน้าที่เป็นแนวต้านหรือแนวรับต่อราคาทองคำ ซึ่งแนวรับคือ ระดับราคาที่ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น ในขณะที่แนวต้านคือ ระดับราคาที่ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง ซึ่งถ้าหากว่า ราคาเกิดการปรับตัวทะลุ (Break Out) แนวรับหรือแนวต้านไปได้ ก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวไปต่อในทิศทางดังกล่าวนั่นเอง

วิธีการใช้งาน

• ระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Trend Line และ Fibonacci Retracements
• เข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทะลุแนวต้าน
• เทขายทองคำเมื่อราคาทะลุแนวรับ

 ตัวอย่าง

ข้อดี

• เป็นกลยุทธ์ที่ใช้งานง่าย และเข้าใจได้ง่าย
• มีประสิทธิภาพในตลาดที่เป็นแนวโน้ม

ข้อเสีย

• อาจเจอสัญญาณหลอกบ่อยครั้ง
• อาจสูญเสียเงินหากราคาไม่ทะลุแนวรับหรือแนวต้าน

2. กลยุทธ์ Demand-Supply Zone + Divergence

กลยุทธ์ Demand-Supply Zone ใช้พื้นที่ที่คาดว่าจะมีแรงซื้อ (Demand) หรือแรงขาย (Supply) สูง เทรดเดอร์สามารถระบุ Demand-Supply Zone โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ เช่น ปริมาณ และ Fibonacci Retracements

Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทองคำเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับตัวชี้วัดโมเมนตัม เช่น RSI หรือ MACD Divergence บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น

วิธีการใช้งาน

• ระบุ Demand-Supply Zone โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค
• มองหา Divergence ระหว่างราคาทองคำกับอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัม
• เข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอยู่ใน Demand-Supply Zone และเกิด Bullsih Divergence 
• เทขายทองคำเมื่อราคาอยู่ใน Demand-Supply Zone และเกิด Bearish Divergence

ตัวอย่าง

 ข้อดี

• กลยุทธ์มีประสิทธิภาพในการระบุจุดกลับตัวของราคา
• สามารถช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการเทรดสวนกับแนวโน้ม

ข้อเสีย

• อาจส่งสัญญาณเท็จบ่อยครั้ง
• กลยุทธ์ค่อนข้างซับซ้อน

3. กลยุทธ์ Break Out & Re-Test

กลยุทธ์ Break Out & Re-Test ใช้แนวคิดที่ว่าเมื่อราคาทองคำทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ มักจะกลับมาทดสอบระดับนั้นอีกครั้งหลังจากการ Break Out ในกลยุทธ์นี้จะคล้ายกันกับกลยุทธ์แรก แต่จะต่างกันตรงที่กลยุทธ์แรกจะไม่มีการรอราคามา Re-Test นั่นเอง

วิธีการใช้งาน

• หาจุดแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
• รอให้ราคาทองคำทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
• ซื้อทองคำหรือขายทองคำเมื่อราคาทดสอบแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญหลังจาก Break Out

ตัวอย่าง

ข้อดี

• กลยุทธ์มีประสิทธิภาพในการยืนยันการ Break Out
• สามารถช่วยให้เทรดเดอร์เข้าหรือออกจากการเทรดได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น

ข้อเสีย

• อาจสูญเสียเงินหากราคาไม่กลับมาทดสอบแนวรับหรือแนวต้าน

• ไม่มีกลยุทธ์การเทรดใดที่สมบูรณ์แบบ
• สิ่งสำคัญคือต้องใช้กลยุทธ์การเทรดหลายกลยุทธ์ควบคู่กันเพื่อยืนยันสัญญาณ
• เทรดเดอร์ควรควบคุมความเสี่ยงโดยใช้คำสั่ง Stop Loss เสมอ

การเทรดทองคำ เป็นการซื้อขายแบบ CFD ที่นำ Leverage เข้ามาช่วยในการเพิ่มกำลังการซื้อ ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายทองคำได้ แม้มีเงินไม่ถึงราคาทองคำจริง ๆ ก็ตาม โดยกลยุทธ์ในการเทรดทองคำที่ว่าไปข้างต้นสามารถที่จะเป็นแนวทางในการเทรดให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่มี Trade Setup เป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในการเทรดทองคำมีอะไรมากกว่าการใช้กลยุทธ์การเทรด เทรดเดอร์ยังต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานของการเคลื่อนที่ของราคาทองคำอย่างละเอียด เพื่อที่จะให้ตัวเทรดเดอร์สามารถอยู่รอดในตลาดนี้ได้นั่นเองครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดทองคำ

การเทรดทองคำ Forex ทำอย่างไร ?

> การเทรดทองคำสามารถทำได้จากการเลือกสมัครสมาชิกกับโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ ทำการเปิดบัญชีเทรด และเติมเงินเข้าเพื่อเทรด

เทรดทองคำออนไลน์ที่ไหนดี ?

> เทรดเดอร์สามารถเทรดทองคำออนไลน์ผ่านโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread ที่ต่ำ ซึ่งค่า Spread ที่ต่ำจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการให้มากยิ่งขึ้น โดยโบรกเกอร์ที่ค่า Spread ทองคำต่ำมีดังนี้

• IUX (IUX Markets)
• GMI Markets
• XM

การเทรดทองคำต้องดูอะไรบ้าง ?

> การเทรดทองคำจะต้องดูหลายปัจจัย ซึ่งราคาทองคำจะอิงกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน เป็นส่วนใหญ่ เมื่อมีการเปิดตัวเลขหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับสหรัฐฯ หรือจีน จะส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนเป็นอย่างมาก แต่เทรดเดอร์ก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ปัจจัยทางเทคนิคเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ: กลยุทธ์การเทรดเหล่านี้ให้เพื่อการศึกษาเท่านั้น  ไม่ได้เป็นคำแนะนำทางการเงิน   เทรดเดอร์ควรทำการวิจัยของตนเองก่อนตัดสินใจเทรดใด ๆ