List of content
FOMO คืออะไร? อาการที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เป็นกันแต่ไม่รู้ตัว!
ในโลกของการลงทุนปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลายคนรู้สึกว่าการติดตามเหตุการณ์ หรือกระแสใหม่ ๆ ทำได้ยากกว่าเมื่อก่อน จนทำให้เกิดความกลัวที่จะพลาดโอกาสสำคัญไป หรือที่เรียกกันว่าอาการ FOMO นั่นเอง คำนี้มีที่มาจากไหน และส่งผลต่อการเทรด Forex อย่างไร มาดูกันเลยครับ
FOMO ย่อมาจากคำว่า Fear Of Missing Out คำนี้เริ่มมีการใช้งานในปี ค.ศ. 1996 โดยพบในรายงานการวิจัยด้านกลยุทธ์การตลาดของ Dr. Dan Herman
FOMO คือ ความกังวลหรือความรู้สึกกลัวที่จะพลาดโอกาสสำคัญ ข่าวสาร และกระแสต่าง ๆ ที่คนรอบตัวกำลังให้ความสนใจ หรือกำลังเป็นกระแส โดยรวมแล้ว อาจเรียกได้ว่ากลัวการตกเทรนด์นั่นเอง ส่วนใหญ่ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเรารับรู้เหตุการณ์เหล่านั้นผ่านโซเชียลมีเดีย แต่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งหรือเข้าร่วมเหมือนคนอื่น ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้
FOMO หรือ Fear Of Missing Out คือ การกลัวพลาดโอกาสสำคัญหลายอย่าง ในขณะเดียวกันก็มีอีกคำที่มีความหมายตรงกันข้ามกับคำนี้ นั่นก็คือ JOMO ซึ่งย่อมาจาก Joy Of Missing Out คือ การมีความสุขจากการพลาดโอกาสบางอย่างไป หรือไม่ได้ให้ความสนใจกับกระแสบนโซเชียลมีเดียมากนัก ทำให้คนที่มีลักษณะแบบ JOMO นั้นมีเวลาให้กับงานอดิเรกตนเองมากขึ้น เพราะไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะพลาดเทรนด์อะไรไป
แม้ว่า FOMO หรือ การกลัวพลาดบางสิ่งบางอย่างไป จะดูเหมือนต้องคอยไล่ตามกระแสใหม่ ๆ เหมือนคนอื่นอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ แต่จริง ๆ แล้ว FOMO ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
1. กระตุ้นแรงจูงใจ
FOMO สามารถกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจให้อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรม, โอกาส หรือเหตุการณ์ล่าสุดที่อาจจะพลาดไป ความกลัวที่จะพลาดโอกาสนี้เอง ทำให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะคว้าสิ่งที่ดีที่สุดไว้
2. เพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างและทางสังคม
การกลัวว่าตนเองจะตามข่าวสารไม่ทันเหมือนคนอื่น FOMO สามารถช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคมได้ โดยอาจทำให้เกิดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนในสังคมมากขึ้น
3. มีโอกาสทำอะไรใหม่ ๆ
อาการ FOMO สามารถทำให้คนกล้าลองทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และออกนอกกรอบของตนเอง รวมถึงสามารถนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ในโลกของการเทรด Forex อาการ FOMO มักใช้อธิบายถึงการกลัวพลาดโอกาสสำคัญในการลงทุน หรือพลาดโอกาสในการเปิดหรือปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร จะเห็นได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์เกิดอาการ FOMO ซึ่งสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน หรือพฤติกรรมการเทรดได้ โดยลักษณะอารมณ์ของเทรดเดอร์ที่นำไปสู่อาการ FOMO สามารถแบ่งได้ ดังนี้
-
ความกลัว: กลัวว่าถ้าไม่ลงทุนในช่วงเวลาตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสทำกำไรที่ดีไปกว่านี้อีก
-
ความโลภ: โลภที่คิดว่าถ้าหากไม่ลงทุนก็อาจพลาดโอกาสในการทำกำไร ซึ่งเราอาจจะมองว่าเป็นจำนวนมาก จนเกิดความเสียดาย
-
ความใจร้อน: รีบร้อนตัดสินใจลงทุนจนเกินไป โดยไม่มีการวางแผนให้ดีก่อน
-
การขาดความมั่นใจ: เกิดความลังเล และเลือกเทรดตามที่คนอื่นนิยมกัน หรือส่วนใหญ่ก็คือชอบเทรดตามโค้ชนั่นเอง เพราะไม่มั่นใจในแผนการเทรดของตนเอง ซึ่งก็อาจทำให้ขาดทุนได้ภายหลังเหมือนกัน
นอกเหนือจากอารมณ์ความรู้สึกของเทรดเดอร์ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกอีกหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นให้เทรดเดอร์เกิดอาการ FOMO มากยิ่งขึ้นได้ ดังนี้
1. ความผันผวนของตลาด
เมื่อตลาดมีความผันผวนหรือราคาสวิงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนรู้สึกว่าต้องคอยติดตามราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ ตลอดเวลา นั่นก็สามารถทำให้เกิดความกลัวที่จะพลาดโอกาสทำกำไรในช่วงที่ราคาสวิงได้
2. โซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และข่าวสารทางการเงินนั้นก็ทำให้อาการ FOMO เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน เพราะบางครั้งเมื่อเราเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จในการเทรด ก็ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะทำกำไรให้ได้บ้าง จนอาจจะตามแผนการคนอื่น และไม่ทำตามแผนตนเอง ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสที่จะขาดทุนได้มากขึ้น
3. การขาดทุนที่ผ่านมา
หากเทรดเดอร์เคยขาดทุนหรือพอร์ตแตกมากก่อน อาจทำให้เกิดอาการ FOMO และกังวลกับการตัดสินใจมากขึ้นในอนาคต เพราะไม่ต้องการขาดทุนเหมือนเดิมอีก จึงทำให้มีภาวะความเครียดและกดดันมากกว่าเดิม
4. ขาดการวางแผนการเทรดที่ดี
การไม่มีแผนการเทรดและการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน ทำให้เทรดเดอร์สามารถคล้อยตามเทรดเดอร์คนอื่น หรือปัจจัยรอบข้างได้ง่ายเลยทีเดียว จนเกิดอาการ FOMO และตัดสินใจแบบกะทันหันได้
1. วางแผนการเทรด และยึดมั่นในแผนของตนเอง
การวางแผนการเทรด ว่าต้องการเทรดสินทรัพย์อะไร เทรดระยะสั้นหรือระยะยาว รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ไว้อย่างชัดเจน จะช่วยลดโอกาสในการขาดทุนได้
2. จัดการอารมณ์ของตนเอง
อารมณ์ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอาการ FOMO เลยทีเดียว เทรดเดอร์จึงควรฝึกความอดทนไม่ให้รีบตัดสินใจจนเกินไปเพียงเพราะกลัวตามคนอื่นไม่ทัน หากมีความกังวลมากเกินไป อาจลองพักการเทรดดูก่อน หาอะไรทำจนจิตหรือสติเรานิ่งมากขึ้นค่อยกลับมาเทรด แบบนี้ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
3. กรองข่าวสารอยู่เสมอ
การติดตามเทรนด์ หรือข่าวสารใหม่ ๆ อยู่เสมอเป็นเรื่องที่ดี ทั้งยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนสำหรับอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวสำคัญในการปรับนโยบายดอกเบี้ย, สงคราม รวมถึงภัยพิบัติ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อราคาสินทรัพย์ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูก่อนว่าข่าวเหล่านั้นเป็นเพียงข่าวลือที่สร้างกระแสชั่วคราวหรือไม่ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าข่าวนั้นส่งผลกับการเทรดของเรามากน้อยแค่ไหน เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดตามอารมณ์ รวมถึงจะได้มองภาพรวมเทรนด์ราคาหลักของสินทรัพย์ได้ด้วยครับ
FOMO (Fear Of Missing Out) ในแง่ของการเทรด Forex คือ การกลัวที่จะพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเทรด หรือกลัวตามกระแสไม่ทันคนอื่น ทำให้บางครั้งหลายคนรีบร้อนเทรดแบบไม่ได้วางแผนมาก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนที่อาจทำให้เราสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก หรืออาจพอร์ตแตกเลยก็ได้เช่นกัน และเกิดความไม่มั่นใจในตนเองในภายหลังได้
อย่างไรก็ตาม การติดตามข่าวสารใหม่ ๆ ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้เราตามทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ แต่อย่าลืมพิจารณาความน่าเชื่อถือของข่าวเหล่านั้น จัดการกับอารมณ์ของตนเองให้ดี และวางแผนการเทรดที่เหมาะกับตนเองเสมอนะครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers