List of content
Harmonic Pattern คืออะไร ? พร้อม 4 รูปแบบสำคัญที่ควรรู้
ในตลาดการลงทุนรวมถึงตลาด Forex นั้น คงปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าการใช้ Technical เข้ามาเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจสำคัญมาก เพราะสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของเราได้
และอีกหนึ่งรูปแบบที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้กันในการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดที่ดีที่สุดทั้งการเข้าออเดอร์รวมถึงจุดทำกำไร ซึ่งก็คือ Harmonic Pattern ครับ
Harmonic Pattern คือ อีกหนึ่งรูปแบบกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาทิศทางของราคาครับ ซึ่งสามารถช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มราคาโดยการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
Harmonic Pattern นั้นมีการใช้อัตราส่วน Fibonacci และให้ผลลัพธ์เป็นรูปทรงเรขาคณิต เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และการทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้ครับ โดย นักลงทุน Harold McKinley Gartley ได้สร้างรูปแบบฮาร์มอนิกขึ้นในปี 1932 และก็เป็นที่ยอมรับเพราะมีความแม่นยำสูง จนถูกนำไปปรับใช้อย่างแพร่หลาย
Harmonic Pattern ใช้ในตลาดใดได้บ้าง ?
อันที่จริง Harmonic Pattern สามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกตลาดการลงทุนครับ และเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด Forex ของเราด้วย แต่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจะเป็นช่วงที่ตลาด Sideway ครับ
โดย Harmonic Pattern เหมาะกับการใช้ใน Timeframe H4 ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น H4, D1, Week หรือ Month โดยเฉพาะ Timeframe Week หรือ Month ขึ้นไป เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่มักจะใช้ Harmonic Pattern เข้ามาช่วยระบุทิศทางหรือแนวโน้มได้อย่างแม่นยำมากเลยทีเดียว
Fibonacci คืออะไร ? ทำไม Fibonacci ถึงสำคัญกับ Harmonic Pattern
Fibonacci นั้น คือ Fibonacci คือ ลำดับเลขฟีโบนัชชี ที่ถูกค้นพบโดย Leonardo Fibonacci นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ซึ่งมีแนวคิดหลักของลำดับเลขชุดนี้ คือ การนำตัวเลขก่อนหน้า 2 ลำดับ มารวมกัน และได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลขปัจจุบัน หรือลำดับถัดไป และสำหรับใครที่ต้องการอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ Fibonacci เพิ่มเติมและทำความเข้าใจให้มากขึ้น ทาง Thaiforexreview ของเราก็ได้มีการเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างละเอียดแล้ว สามารถอ่านได้ในบทความนี้เลยครับ
ความหมายของแต่ละจุดใน Harmonic Pattern
ในแต่ละรูปแบบของ Harmonic Pattern จะมี 5 จุดสำคัญที่แทนด้วยตัวอักษรครับ ซึ่งจะมี X, A, B, C และ D ที่เรียกได้ว่าเป็นระดับราคาที่มีนัยสำคัญที่ช่วยกำหนดรูปแบบและโซนการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้
จุด X: นี่คือจุดเริ่มต้นของ Harmonic Pattern โดยทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงสำหรับการวัดจุดอื่น ๆ ครับ
จุด A: จุด A คือจุดกลับตัวที่สำคัญจุดแรกจากจุดเริ่มต้น X ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนไหวของราคาเริ่มต้นที่นำไปสู่การก่อตัวของรูปแบบ ในรูปแบบฮาร์โมนิกส่วนใหญ่ การเคลื่อนไหวจาก X ไปยัง A มักจะเป็นการย้อนกลับของการเคลื่อนไหวของราคาเดิม
จุด B: จุด B คือการย้อนกลับจากจุด A ในทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลื่อนไหวของราคาเดิม (จาก X ไป A) จุด B มักจะสัมพันธ์กันกับตำแหน่งของ Fibonacci ด้วยครับ
จุด C: จุด C เป็นจุดที่ราคากลับตัวอีกครั้ง โดยปรับให้เข้ากับอัตราส่วน Fibonacci ที่ได้มาจากการเคลื่อนที่ของราคาทั้งหมดจาก X ไป A ตำแหน่งของจุดนี้ช่วยยืนยันการเกิดขึ้นจริงของ Harmonic Pattern ครับ เพราะบางครั้งกราฟอาจจะแสดงพฤติกรรมคล้ายกับว่าจะเป็นแพตเทิร์นนี้ แต่ที่จริงไม่ใช่ก็ได้ หากมีจุด C ก็แปลได้ว่า อาจจะมีการกลับตัวเกิดขึ้นนั่นเอง
จุด D: จุด D คือจุดสำคัญของ Harmonic Pattern เลยก็ว่าได้ครับ เพราะจุด D จะเป็นตัวที่ชี้ว่าราคาจะเกิดการ Break Out หรือว่าจะไปตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็ได้
พอรู้จักความสำคัญของจุดต่าง ๆ กันแล้ว เรามารู้จักกับ 4 รูปแบบของ Harmonic Pattern กันครับ
1. Gartley
วิธีสังเกตเมื่อ Gatley เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
ราคาจากจุด X กลับตัวไปยังจุด A ซึ่งเปลี่ยนจากแนวต้านเป็นแนวรับ ขึ้นมาที่จุด B ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านในอัตราส่วน 0.618 วัดจากจุด XA ก่อนที่จะลงมาเทสที่จุด C ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในตำแหน่ง 0.382-0.886 วัดจากจุด AB และจุด D จะต้องสูงกว่าจุด B และอยู่ที่ระดับแนวต้านที่สำคัญที่ 0.786 จากจุด X หากกราฟไม่สามารถผ่านแนวต้านที่จุด D ไป ให้พิจารณาเพื่อเข้าออเดอร์ Sell ครับ
วิธีสังเกตเมื่อ Gatley เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
ราคาขึ้นจากจุด X ไปเทสยังจุด A ซึ่งเป็นระดับแนวต้าน ก่อนที่จะลงไปทำ Low ที่จุด B ซึ่งเป็นระดับแนวรับ ราคาตกลงไปที่จุด A ซึ่งเป็นแนวรับในอัตราส่วน 0.618 ซึ่งทำให้ราคาขึ้นไปที่จุด C ซึ่งเป็นพื้นที่แนวต้านในอัตราส่วน 0.382 ต่อ 0.886 (วัดจากจุด AB) ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการขายตรงนั้น เป็นผลให้ราคาตกลงไปที่จุด D ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่สำคัญ ในอัตราส่วน 0.786 จากจุด X โดยสมมติว่ากราฟถูกสร้างขึ้นตามที่ปรากฏในภาพประกอบที่สอง สามารถหาจังหวะเข้ามาจากบริเวณดังกล่าวได้ โดยที่จุด D เป็นจุดที่ควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Buy ครับ
-----------------------------
2. Butterfly
วิธีสังเกตเมื่อ Butterfly เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
ราคาจากจุด X ลงมาเทสที่จุด A ซึ่งเปลี่ยนจากแนวต้านเป็นแนวรับ จากนั้นทำ Low ที่ต่ำลง และเกิดการย่อสั้นก่อนที่จะขึ้นไปทำ High ใหม่ที่จุด D หากมีการปฏิเสธราคาหรือไม่สามารถทะลุจุด D ไปได้ จุด D จึงเป็นจุดที่ควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Sell ครับ
วิธีสังเกตเมื่อ Butterfly เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
ราคาขึ้นจากจุด X ไปเทสยังจุด A ซึ่งเป็นระดับแนวต้าน ก่อนที่จะลงไปทำ Low ที่จุด B ซึ่งเป็นระดับแนวรับ ราคาตกลงไปที่จุด A แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ซึ่งทำให้ราคาขึ้นไปที่จุด C ที่เป็นแนวต้าน ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการขายตรงนั้น เป็นผลให้ราคาตกลงไปที่จุด D ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญที่ต่ำกว่า X เล็กน้อย เมื่อไม่สามารถผ่านจุด D ได้ ก็จะเกิดการกลับตัว ซึ่งควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Buy ครับ
-----------------------------
3. Bat
วิธีสังเกตเมื่อ Bat เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
ราคาจากจุด X ลงมาทำ Low ที่จุด A ก่อนจะขึ้นมาที่จุด B ซึ่งเป็นการขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยไม่สามารถยืนเหนือราคาจุด X ได้ ก่อนที่จะลงมาเทสราคาที่จุด C ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับ และขึ้นไปเทสแนวต้านเดิมที่ใกล้จุด X แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ หากมีการปฏิเสธราคาหรือไม่สามารถทะลุจุด D ไปได้ จุด D จึงเป็นจุดที่ควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Sell ครับ
วิธีสังเกตเมื่อ Bat เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
ราคาจากจุด X ขยับขึ้นไปทำ High ใหม่ที่จุด A ก่อนที่จะย่อตัวลงมาที่จุด B ที่เรียกได้ว่าย่อลงมาประมาณครึ่งหนึ่ง ก่อนที่ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำ High ใหม่ได้ เมื่อเกิดการเทขายลงมาอีกครั้ง แต่ยังเป็นแนวราคาที่สูงกว่าจุด X และไม่สามารถทะลุ Break Out นี้ไปได้ ก็จะเกิดการกลับตัว ซึ่งควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Buy ครับ
-----------------------------
4. Crab
วิธีสังเกตเมื่อ Crab เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
ราคาจากจุด X ลงมาเทสที่แนวรับหรือจุด A และมีการยก Low สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำ High ใหม่ได้เช่นกัน อย่างที่เราจะเห็นในจุด B ครับ เมื่อราคาปรับตัวลดลงอีกครั้งในจุด C ก่อนที่จะขึ้นไปทำ New High ที่จุด D แต่ไม่สามารถทำแพตเทิร์น Uptrend ต่อได้ จุด D ก็เป็นจุดที่ควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Sell ครับ
วิธีสังเกตเมื่อ Crab เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
ราคาขึ้นจากจุด X ไปเทสยังจุด A ซึ่งเป็นระดับแนวต้าน ก่อนที่จะลงไปทำ Low ที่จุด B ซึ่งเป็นระดับแนวรับ ราคาตกลงไปที่จุด B แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ซึ่งทำให้ราคาขึ้นไปที่จุด C ที่อยู่ในระดับราคาที่ต่ำกว่าจุด A เล็กน้อย ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการขายตรงนั้น เป็นผลให้ราคาตกลงไปที่จุด D ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญที่ต่ำกว่า X แต่ถ้าไม่สามารถผ่านจุด D ได้ ก็จะเกิดการกลับตัว ซึ่งควรพิจารณาเข้าออเดอร์ Buy ครับ
ข้อดีและจุดเด่นของ Harmonic Pattern
- มีแผนการเข้าออเดอร์ที่ชัดเจน - Harmonic Pattern จะช่วยให้เรามีแบบแผนที่จะเข้าออเดอร์อย่างชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลาเฝ้ากราฟ
- สามารถกำหนดจุดทำกำไร - เนื่องจาก Harmonic Pattern มีความซับซ้อนและมีขั้นตอนการคำนวณที่รอบคอบจนทำให้เราสามารถกำหนดความเสี่ยงและกำไรได้ จึงเหมาะกับใครที่ชอบความชัดเจน ตัวเลขเป๊ะ ๆ ด้วยครับ
- เป็นรูปแบบที่มีความแม่นยำสูง - เพราะ Harmonic Pattern ใช้อัตราส่วน Fibonacci ซึ่งเป็นระดับทั่วไปและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการวิเคราะห์ทางเทคนิค อัตราส่วนเหล่านี้สามารถช่วยระบุพื้นที่ที่เป็นไปได้ของแนวรับ แนวต้าน และการกลับตัวในตลาดได้ชัดเจนและค่อนข้างแม่นยำ
ข้อเสียและจุดด้อยของ Harmonic Pattern
- อาจเกิดความสับสนจนวิเคราะห์ผิดพลาด - เนื่องจาก Harmonic Pattern นั้นมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก หากเราจำผิดก็อาจทำให้วิเคราะห์ผิดทางได้เช่นกันครับ
- ความถี่ของการเกิดขึ้นต่ำ: รูปแบบฮาร์มอนิกไม่เหมือนกันเหมือนกับการตั้งค่าทางเทคนิคอื่น ๆ และมักนิยมใช้ใน TF ใหญ่ ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับใครที่ชอบทำกำไรทุกวัน หรือดู TF ต่ำกว่า H4 ครับ
- ไม่ได้ถูกต้อง 100% เสมอไป - พึงระวังไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะอินดิเคเตอร์ตัวไหน รูปแบบใด ก็ไม่ได้การันตีว่าจะถูกต้อง 100% เสมอไป ดังนั้นควรระวังสัญญาณหลอกไว้ด้วยนะครับ
คงจะเห็นได้ชัดแล้วนะครับว่า Harmonic Pattern นั้น เป็นหนึ่งในพฤติกรรมกราฟที่เราสามารถนำมาปรับใช้ แต่ก็ต้องเพิ่มความสังเกตให้มากขึ้นนะครับ เพราะว่าแต่ละรูปแบบของ Harmonic Pattern นั้น มีความคล้ายคลึงกันสูงมาก Thaiforexreview ของเราจึงแนะนำให้เทรดเดอร์ทุกคนตั้งจุด TP และ SL เสมอ เพื่อเป็นการจำกัดความเสี่ยงเท่าที่เรารับได้ และเพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนของเราครับ
Thaiforexreview หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่เทรดเดอร์และผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ ฝากติดตามเว็บไซต์รวมถึงช่องทางต่าง ๆ ของพวกเราเพื่อไม่พลาดความรู้หรือเรื่องราวน่าสนใจใหม่ ๆ ไว้ด้วยนะครับ
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers