List of content
RSI คืออะไร? อินดิเคเตอร์สำหรับมือใหม่ ทำกำไรในตลาด Forex
วิธีการวิเคราะห์กราฟเพื่อทำกำไรในตลาด Forex มีอยู่หลายวิธี แต่วิธีการที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Thaiforexreview จะมาพูดถึงอินดิเคเตอร์ตัวหนึ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ทุกท่านวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ RSI Indicator เครื่องมือที่จะทำให้รู้ปริมาณการซื้อขายของตลาด จะมีวิธีการใช้อย่างไร สามารถติดตามได้ในบทความนี้
RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator ที่ใช้ในการดูแรงซื้อขายของสินทรัพย์ในตลาด โดยจะมีการคำนวณจากราคาสินทรัพย์ 14 วันย้อนหลัง ซึ่งจะใช้ตัวเลขระหว่าง 0-100 ในการวัดระดับแรงซื้อขาย แต่ปกติแล้วจะเห็นกราฟวิ่งไปมาระหว่าง 10-90 เท่านั้น สามารถบอกจุดกลับตัวได้จากสัญญาณ Overbought/Oversold และ Divergence
Overbought | ภาวะการซื้อที่มากเกินไป เมื่อตัวเลข RSI ขึ้นไปเหนือระดับ 70 จะถือว่าราคาเกิดภาวะ Overbought และอาจจะเกิดการกลับตัวลงไปได้ |
Oversold | ภาวะการขายที่มากเกินไป เมื่อตัวเลข RSI ลงไปต่ำกว่าระดับ 30 จะถือว่าราคาเกิดภาวะ Oversold และอาจจะเกิดการกลับตัวขึ้นไปได้ |
เทรดเดอร์สามารถคำนวณ RSI ได้จากสูตรดังต่อไปนี้ครับ
RSI = 100 - (100 /1 + RS) |
RS = ค่าเฉลี่ยราคาของวันที่ราคาปรับขึ้นในช่วง 'N' วัน / ค่าเฉลี่ยราคาของวันที่เป็นขาลง 'N' วัน แล้วจึงนำมาปรับเป็นค่าดัชนี ซึ่งจะอยู่ช่วง 0 -100 ครับ
☛ หาก RSI มีค่าต่ำกว่า 30 แสดงว่า สินทรัพย์นั้นเกิด “ภาวะขายมากเกินไป” หรือ “Oversold”
☛ หาก RSI มีค่าสูงกว่า 70 แสดงว่า สินทรัพย์นั้นเกิด “ภาวะซื้อเกินไป” หรือ “Overbought”
💡นอกจากการอ่านค่า Overbought และ Oversold แล้ว RSI ยังสามารถใช้ดูสัญญาณ Divergence ได้อีกด้วยครับ 💡 |
วิธีการดูสัญญาณ Divergence สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
Bullish Divergence คืออะไร? |
Bullish Divergence คือ กราฟราคามีการเคลื่อนตัวลดลง แต่ RSI มีการเคลื่อนตัวขึ้นสวนทางกันกับกราฟราคา แสดงให้เห็นแรงการซื้อที่เพิ่มขึ้นและมีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาขึ้นในอนาคต
Bearish Divergence คืออะไร? |
Bearish Divergence คือ กราฟราคามีการเคลื่อนตัวเพิ่มขึ้น แต่ RSI มีการเคลื่อนตัวลดลงสวนทางกันกับกราฟราคา แสดงให้เห็นแรงการซื้อที่มากและมีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาลงในอนาคต
Hidden Bullish Divergence คืออะไร? |
Hidden Bullish Divergence คือ การเคลื่อนที่ของกราฟราคาทีมีการสร้าง High สูงขึ้น แต่ RSI กลับเคลื่อนตัวสร้าง Low ที่ต่ำกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงการขัดแย้งกันของราคากับอินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกว่า ราคาจะมีการขึ้นไปต่อ
Hidden Bearish Divergence |
Hidden Bearish Divergence คือ การเคลื่อนที่ของกราฟราคาที่มีการสร้าง High ต่ำลง แต่ RSI กลับเคลื่อนตัวสร้าง High ที่สูงกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงการขัดแย้งกันของราคากับอินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกว่า ราคาจะมีการลงไปต่อ
อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า RSI นั้นเป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการวัดแรงซื้อขาย สามารถที่จะใช้ดูได้ทั้งสัญญาณ Overbought Oversold และ Divergence โดยสองหรือสามสิ่งนี้ เราสามารถที่จะนำมาประยุกต์รวมกันเพื่อหาจุดเข้าได้ ดังนี้
การใช้ RSI บน MT5 |
การใช้งานอินดิเคเตอร์ RSI บน MT5 มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การใช้ RSI เทรดคู่เงิน USD/JPY |
การใช้ RSI ในการเทรดคู่เงิน Forex โดยทีมงานจะยกตัวอย่างการใช้ RSI ในการหาจุดเข้าออเดอร์คู่เงิน USD/JPY ให้ดูกันครับ
การใช้ RSI คู่กับสัญญาณ Divergence |
การใช้อินดิเคเตอร์ RSI สามารถใช้กับสัญญาณ Divergence เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ที่ดีมากขึ้น รวมถึงลดการเข้าออเดอร์ที่ผิดพลาดจากการโดนหลอกของกราฟคู่เงิน Forex ครับ
จากตัวอย่างกราฟ XAU/USD จะสังเกตได้ว่า กราฟได้เกิดสัญญาณ Overbought และ Bearish Divergence จากการที่ราคามีการยกตัวสูงขึ้น แต่อินดิเคเตอร์ RSI กลับแสดงสัญญาณว่า แรงการซื้อเริ่มลดตัวลง เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นขาลงในอนาคต และหากต้องการที่จะยืนยันว่าราคานั้นพร้อมที่จะกลับตัวลงแล้ว ให้เทรดเดอร์หาตัวช่วยยืนยันการกลับตัว 3 ประการ ดังนี้
- ระดับราคาที่เกิด Overbought/Oversold อยู่ที่ระดับแนวรับ-แนวต้านหรือไม่
- เกิดสัญญาณ Divergence ที่ระดับ Overbought/Oversold หรือไม่
- กราฟเกิดการ Rejection ที่ระดับแนวรับ-แนวต้านดังกล่าวหรือไม่
3 ข้อที่ได้กล่าวไปนั้นเป็นจุดสังเกตเบื้องต้นที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบได้ว่า ราคาจะเกิดการกลับตัวจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้กราฟเกิดความผันผวน ถึงแม้ว่ากราฟจะฟอร์มตัวว่าจะกลับตัว แต่เมื่อถึงเวลาข่าวออก การฟอร์มตัวดังกล่าวนั้นอาจจะไม่มีผลกับการกลับตัวของกราฟเลยก็เป็นได้
📍 การใช้ RSI ในการเทรด Forex เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เทรดเดอร์ได้กำไรจากการเทรดได้ แต่ถ้าเทรดเดอร์มีการศึกษาปัจจัยทางเทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงการมี Money Management ที่ดีและ Mindset ที่ดีในการเทรด ส่งผลให้เทรดเดอร์มีโอกาสได้กำไรสม่ำเสมอจากการเทรด Forex ครับ |
การใช้ RSI ในการเทรด Forex ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้แก่เทรดเดอร์ แต่อินดิเคเตอร์นั้นล้วนมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อดีของ RSI |
ข้อจำกัดของ RSI |
|
|
ค่า RSI ดูตรงไหน?
► สามารถดูได้ในหน้าต่าง Indicator ของ RSI ในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณไม่ว่าจะเป็น MT4/MT5 หรือว่า TradingView
ตั้งค่า RSI Forex เท่าไหร่ดี?
► ค่าที่เหมาะสมกับการตั้งค่า RSI ที่ใช้บอกจังหวะการเทรดควรจะมีค่า 14 ซึ่งเป็นค่าเดิมของ RSI เนื่องจากตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาได้ดีอยู่แล้ว
RSI ย่อมาจากอะไร?
► RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index แปลว่า ดัชนีวัดค่าความแข็งแแกร่งของความสัมพัทธ์
RSI หรือ Relative Strength Index เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator หรือการแกว่งตัวของราคา สามารถใช้ดูแรงการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ โดยหากนำมาแปลงค่าออกมาจะได้เป็นสัญญาณ ซื้อที่มากเกินไป (Overbought) และขายที่มากเกินไป (Oversold) อีกทั้งยังสามารถให้สัญญาณ Divergence ได้อีกด้วย ซึ่งถ้านำทั้ง 2 สัญญาณนั้นมาประยุกต์รวมกัน จะกลายเป็นจุดกลับตัวที่มีประสิทธิภาพอย่างมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ด้วย RSI เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น เทรดเดอร์ควรที่จะศึกษาอินดิเคเตอร์ตัวอื่นและเทคนิคอื่น ๆ ที่สามารถใช้ร่วมกับ RSI ได้ เพื่อนำมายืนยันสัญญาณ และเพื่อวิเคราะห์หาจุดเข้าที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น Price Action ช่วยในการวิเคราะห์แท่งเทียน และ Chart Pattern ช่วยในการวิเคราะห์รูปแบบการกลับตัวหรือการไปต่อของกราฟ เป็นต้น
Source : Traderbobo และ Gotradehere
หากคุณมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนเหมือนกันกับผม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับ Forex ได้ทางเว็บไซต์ www.thaiforexreview.com
ติดตามความเคลื่อนไหวและการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Thaiforexreview
ติดตามข่าวสารการลงทุนและบทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ได้ที่ Forex Analysis
อ่านบทความสาระดี ๆ ได้ที่ Blogs
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมได้ที่ Top Brokers