รวมศัพท์ Forex พื้นฐานที่เทรดเดอร์ต้องรู้

คำศัพท์

Currency Pair

สกุลเงินสองสกุลที่ใช้ในการซื้อขาย เช่น EUR/USD, USD/JPY หรือ BTC/USD

Base Currency

สกุลเงินหลัก เป็นสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน เช่น USD/***

Quote Currency

สกุลเงินอ้างอิง เป็นสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน เช่น ***/USD

Bid, Ask

• Ask คือ เป็นราคาที่คุณจะได้จากการ Sell

• Bid คือ เป็นราคาที่คุณจะได้จากการ Buy

Spread

ความแตกต่างระหว่างราคา Bid และ Ask เป็นค่าบริการให้กับโบรกเกอร์

Pip, Point

หน่วยวัดการเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ ซึ่ง 1 pips = 10 points เช่น EUR/USD ปรับตัวขึ้นจาก 1.05000 เป็น 1.05010 เท่ากับว่า ราคามีการเคลื่อนที่ขึ้นไป 1 pips หรือว่า 10 points นั่นเอง

Lot

ขนาดของการซื้อขายในตลาด Forex

Leverage

เครื่องมือช่วยเพิ่มอำนาจการซื้อขายในตลาดการเงิน

Margin

จำนวนเงินทุนที่ต้องใช้เพื่อเปิดตำแหน่งการซื้อขาย

Margin Level

ตัวบ่งชี้การจัดการความเสี่ยงที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากออเดอร์ที่เปิดอยู่ในบัญชีของเทรดเดอร์

Indicator (อินดิเคเตอร์)

เครื่องมือชี้วัดที่ช่วยในการวิเคราะห์ราคา เพื่อหาจุดเข้าซื้อและจุดทำกำไร

Swap

ค่าธรรมเนียมการถือออเดอร์ข้ามคืน

คำศัพท์

ความหมาย

Buy, Sell

• Buy คือ คำสั่งการซื้อ เทรดเดอร์จะทำการเปิดคำสั่ง Buy ก็ต่อเมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต 

• Sell คือ คำสั่งการขาย เทรดเดอร์จะทำการเปิดคำสั่ง Sell ก็ต่อเมื่อคาดการณ์ว่า ราคาจะปรับตัวลงในอนาคต

Market Order / Market Execution

คำสั่งซื้อ ณ ราคาตลาด หรือที่ราคาปัจจุบัน

Pending Order

คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า เป็นการตั้งราคาเอาไว้ในจุดที่คาดการณ์ว่า ราคาอาจจะไปถึงและเกิดการกลับตัวหรือไปต่อ

Take Profit, Stop Loss

• Take Profit คือ คำสั่งปิดออเดอร์อัตโนมัติ เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางกำไรตามเป้าหมาย

• Stop Loss คือ คำสั่งปิดออเดอร์อัตโนมัติ เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางขาดทุนตามที่กำหนด

Trailing Stop

คำสั่งที่ใช้ช่วยเลื่อนจุด Stop Loss ตามการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นวิธีลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดีครับ

คำศัพท์

ความหมาย

Broker

ตัวกลางที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงตลาด Forex และทำการซื้อขายได้อย่างสะดวก

MetaTrader

แพลตฟอร์มที่คอยให้บริการในการเทรด เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex ซึ่งมีอยู่ 2 เวอร์ชัน ได้แก่ MetaTrader 4 และ MetaTrader 5

Web Trader

แพลตฟอร์มการเทรดผ่านเว็บบราว์เซอร์ได้โดยตรง

Commission

ค่าธรรมเนียมในการเทรด ซึ่งจะถูกเก็บในประเภทบัญชีที่มีค่าสเปรดต่ำมาก ๆ

ECN (Electronic Communication Network)

ประเภทบัญชีที่มีค่าสเปรดต่ำ แต่มักจะมีการเก็บค่า Commission เพิ่มเติม

Dealing Desk, No-Dealing Desk

• Dealing Desk คือ โบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็น “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” ด้วยตัวเอง  โดยโบรกเกอร์ประเภทนี้จะไม่ได้ทำการส่งคำสั่งเข้าตลาดโดยตรง ซึ่งโบรกเกอร์จะแบกรับกำไรและขาดทุนของลูกค้าเองทั้งหมด และสามารถกำหนด Bid และ Ask เองได้
  
  
• No-Dealing Desk คือ โบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อเข้าตลาดโดยตรง โดยที่โบรกเกอร์ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้กับลูกค้า แต่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมและค่าสเปรดเท่านั้น

คำศัพท์

ความหมาย

Trend

แนวโน้มของราคา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 แนวโน้ม ได้แก่

• แนวโน้มขาขึ้น (Up Trend)

• แนวโน้มขาลง (Down Trend)

Sideway

การที่ราคาเคลื่อนที่แบบไร้แนวโน้ม หรือการที่ราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบ ไม่ขึ้นและไม่ลง

แนวรับ, แนวต้าน

• แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่คาดว่า จะมีปริมาณการซื้อจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว เมื่อราคาลงไปถึงระดับดังกล่าว มักจะเกิดการกลับตัวขึ้น

• แนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่คาดว่า จะมีปริมาณการขายจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว เมื่อราคาขึ้นไปถึงระดับดังกล่าว มักจะเกิดการกลับตัวลง

Bull Market, Bear Market

• Bull Market คือ สภาวะตลาดโดยรวมมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น เปรียบเปรยด้วยคำว่า “กระทิง” ที่มักจะจู่โจมด้วยการ “ขวิดขึ้น” 

• Bear Market คือ สภาวะตลาดโดยรวมมีแนวโน้มเป็นขาลง เปรียบเปรยด้วยคำว่า “หมี” ที่มักจะจู่โจมด้วยการ “ตะปบ”

Risk Reward Ratio (RRR)

อัตราความเสี่ยงเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ ใช้วัดความคุ้มค่าของการซื้อขายในแต่ละครั้ง

Divergence

สัญญาณบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวของราคาในอนาคต

Break Out

การที่ราคาปรับตัวทะลุบริเวณแนวรับ-แนวต้าน หรืออินดิเคเตอร์บางตัว ซึ่งเป็นสัญญาณของการไปต่อของราคา

Re-Test

การที่ราคาย้อนกลับมาทดสอบแนวรับหรือแนวต้าน หลังจากการเกิดการ Break Out ก่อนที่จะไปต่อ

คำศัพท์

ความหมาย

Technical Analysis

การวิเคราะห์กราฟด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ไม่ได้เอาปัจจัยพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวรับ แนวต้าน และจุดเข้าออกในการทำกำไร เช่น การใช้อินดิเคเตอร์ในการหาจุดเข้าทำกำไร เป็นต้น

Fundamental Analysis

การวิเคราะห์สถานการณ์ของปัจจัยพื้นฐานอย่าง เศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์การเมืองต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาในอนาคต

Trend Following

รูปแบบการเทรดที่ใช้วิธีการเปิดออเดอร์ไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มของราคาในขณะนั้น

Martingale

กลยุทธ์การเพิ่มขนาดการเทรด (Lot) เป็น 2 เท่าทุกครั้งที่เกิดการขาดทุนในระดับที่กำหนด โดยคาดหวังการกลับตัวเพียงเล็กน้อย เพื่อชดเชยการขาดทุนและทำกำไรในไม้สุดท้าย แต่การเทรดด้วยวิธีนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะถ้าหากราคาไม่กลับตัวมาเลย ก็อาจทำให้เทรดเดอร์ล้างพอร์ตได้เลย และต้องใช้ขนาดพอร์ตที่ใหญ่มาก

News Trading

เป็นการเทรดด้วยการอ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข่าวเศรษฐกิจ เป็นการคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ โดยเทรเดอร์จะทำการเทรดไปพร้อมกับข่าวที่ออกมาในช่วงนั้น เพื่อหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนที่เกิดขึ้น

Arbitrage

การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาในตลาดต่าง ๆ โดยการซื้อและขายสินทรัพย์เดียวกันในเวลาเดียวกัน

Position Trading

กลยุทธ์การเทรดที่เน้นการถือสถานะเป็นเวลานาน เพื่อรอการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด

Scalping

กลยุทธ์การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย โดยการเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็ว

Swing Trading

กลยุทธ์การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง โดยการถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์

Carry Trade

กลยุทธ์การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน

Hedging

การป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน โดยการเปิดสถานะตรงข้ามกับสถานะที่ถืออยู่ ด้วยขนาดการซื้อขายที่เท่ากัน เพื่อเป็นหยุดการเคลื่อนไหวของกำไร/ขาดทุน

Correlation

ความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาดเงิน เช่น เมื่อ USD แข็งค่า THB มักจะอ่อนค่าลง เป็นต้น

Volatility

ความผันผวนของราคาในตลาด